สัดส่วนคนไทย 68 ล้านคน ทำงานอะไรกันบ้าง ไม่รู้เรื่องประเทศไทย จะเดินหลงทาง
คนไทย 68 ล้านคน ที่พร้อมจะทำงานมีอยู่ 38 ล้านคน
ใน 38 ล้านนี้ อยู่บ้านไม่ทำงานราว 10 ล้านคน จะว่าไม่มีรายได้ก็ไม่ได้ เช่น
- มีอาชีพรับเงินจากสามี
- อยู่บ้านเลี้ยงลูก ดูแลพ่อแม่ ใช้เงินและทรัพย์สินของพ่อแม่
- ในกลุ่มนี้มีคนพิการทางกาย 500,000 และพิการทางจิตอีกจำนวนเท่ากัน คนพิการทางกายทำงานได้
- บางส่วนนั่งกินค่าเช่า ที่ดิน คอนโด ค่าเช่าบ้าน กินดอกเบี้ย เงินปันผลจากหุ้น คนรุ่นใหม่ออกมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพก็มีเยอะมาก ร่วม 30% ของบัณทิตบางมหาวิทยาลัย
- บ้างก็เป็นโจร ค้ายา มีอาชีพที่ไม่เปิดเผย
ในคน 28 ล้านคนที่ทำงาน ราว 11 ล้านคน มีรายได้จากรัฐบาล
6 ล้านคน ทำงานเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ เจ้าหน้าที่ พนักงานของรัฐในหน่วยราชการ องค์กรอิสระ รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน แต่ยังมีรายได้พิเศษ และสิทธิอีกมาก
อีก 5 ล้านคนเป็นผู้รับบำนาญ รัฐบาลจ่ายค่าบำนาญเดือนละ 50,000 ล้านบาท
ภาครัฐของไทยจึงใหญ่โต รายจ่ายสูง ยิ่งรวมค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ยานพาหนะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าปฏิบัติงาน รายจ่ายประจำขององค์กรเช่นซ่อมเขื่อน ฝาย อาคารเรียน จะเหลือเงินลงทุนใหม่ของรัฐน้อยมาก
กลุ่มนี้เป็นผู้เสียภาษีที่ดีมาก ช่วงนี้รายได้พิเศษหายไปราวแสนล้าน เพราะโดนคุมเรื่องคอรัปชั่น เงินพิเศษก้อนนี้หมุนเวียนเร็วมาก
คนไทยอีก 6 ล้านคนทำอาชีพเกษตร มีที่ถือครอง 122 ล้านไร่ ถ้าคิดว่าคนทำเกษตรจน ต้องไปถามว่าราคาที่ดินเท่าไร ไปต่างจังหวัดจะเห็นบ้านใหญ่โตมากมาย ทั้งสุพรรณ อยุธยา ยโสธร อุบล อุดร ขอนแก่น สุราษฎร์ บุรีรัมย์
ครอบครัวเกษตรนอกจากมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม ยังมีรายได้จากภาคขนส่ง ราชการ รัฐวิสาหกิจ รายได้ที่คนของครอบครัวส่งกลับมาก อย่าดูถูกไอ้พัน พระเอกผู้กองยอดรักนะครับ มีที่ดินสุพรรณหลายร้อยไร่ไม่ธรรมดา
ก็เหลืออีก 8 ล้านคน เขาทำงานที่ไหน
- ทำงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ ที่มีงบลงทุนทั้งหมด 11 ล้านล้านบาท รายได้สูงนะครับ ทั้งแบงค์ พลังงาน การบิน โทรคมนาคม สื่อสาร ยาสูบ กลุ่มนี้รายได้มั่นคงมาก บำเหน็จเป็น 10 ล้านขึ้น
- ทำงานองค์กรอิสระ เช่น แบงค์ชาติ กลต ศาล รายได้สูง มั่นคงยามเกษียณ
- ทำงานบริษัทขนาดใหญ่ top 1,000 ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และข้างนอก ยังมีบริษัทต่างประเทศอีกเป็นหมื่น คนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมรายได้ดีมาก
- ทำงานการค้าชายแดน ประเมินรายได้ไม่ถูกหรอกครับ มันสูงมาก ไม่มีบันทึก ตัวเลขทางการต่ำกว่าตัวเลขจริงเป็นสิบเท่า
- แล้วยังมีคนเปิดกิจการส่วนตัวทั้งที่จดทะเบียน ไม่จดทะเบียน เรียกว่าภาคเอกชน ภาคเศรษฐกิจไม่เป็นทางการ
อาชีพอิสระก็เยอะนะครับ
ขายเป็ด ไก่ หมูเข้าตลาด ขายดอกไม้ปากคลอง เปิดกวดวิชา ขับแท็กซี่ รถตู้ รถทัวร์
ขายของทางเนต ตรงนี้ราว 20% ของยอดการค้าไทยรวยอู้ฟู่มาก
เมืองไทยคนที่รวยก็รวยเงียบๆ ไม่โวยวายให้เป็นที่จับตา ยิ่งคนบ่นมากขอเนียนบ่นด้วย
ในบรรดาคนที่ทำงานของประเทศไทย 28 ล้านคน ก็ประกอบอาชีพตามที่ว่ามา
เดินดุ่มๆดูโน่นนี่ในกทม และต่างจังหวัด คุยกับผู้คนในหลายๆวงการ ก็รู้ว่าเศรษฐกิจโลกกระทบเศรษฐกิจไทยพอสมควรทีเดียวแหละ
ขึ้นอยู่กับว่า
- ถ้าครอบครัวทำงานมีรายได้ประจำ ก็ไม่เดือดร้อนมาก มีขึ้นเงินเดือนด้วย
- คน ครอบครัวในต่างจังหวัดมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในเขตกทม นนทบุรี สมุทรปราการ ราวเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทางถูกกว่ามาก รวมถึงวิถีชีวิต พูดรวมๆบอกได้ว่ารายจ่ายในต่างจังหวัดต่ำกว่าในกรุงอย่างน้อยหนึ่งในสาม
- เมืองไทยยังโชคดีที่อัตราการว่างงานต่ำอันดับต้นๆของโลก มีประกาศหาคนทำงานโดยทั่วไป คนที่ออกจากโรงงาน องค์กรหนึ่งหางานได้รวดเร็ว ยิ่งแรงงานการศึกษาไม่สูง มีความต้องการมาก เริ่มต้นที่ 9,000 บาท
- คุยกับการบินไทยว่า จะโดนเออร์ลี่นี่เดือดร้อนไหม เข้าคิวรอกันเลยครับ เพราะจ่ายงามมาก คงสิทธิต่างๆมากมาย
- มีคนเป็นหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต ราว 79% ของ GDP ลดลงจากที่เคยสูงถึง 89% ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา มีความสุขดี
กลุ่มที่มีปัญหาก็ไม่มีความสุข มีคนชำระคืนไม่ได้ ธนาคารจึงต้องตั้งสำรอง ปล่อยกู้ให้รายใหม่ได้น้อยลง เมื่อรายได้ของธุรกิจ คนค้าขายดูไม่แน่นอน ธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้ใหม่ เงินหายไปจากระบบมาก กำลังซื้อในระบบจึงลดลง
- รัฐวิสาหกิจมีเงินที่ลงทุนไปแล้ว 11 ล้านล้านบาท จะลงทุนเพิ่ม แต่เจอปัญหาว่าไม่มีเงิน เพราะไม่มีกำไร มีเหมือนกันแค่ 5% ของเงินที่ลงทุนไป จะให้รัฐค้ำให้ก็เต็มเพดานความเสี่ยง เงินจึงไม่หมุน
- มีคนเดือดร้อน เจ๊งทองเยอะ ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบลดลงไปมาก เท่าไรประมาณการไม่ถูก สามปีซื้อไปราวสองล้านล้านบาท บริษัทขายทองแม่โน่นนี่รวย พวกค้าทองฟิวเจอร์ด้วย
- เมืองไทยมีคนเล่นหุ้นราวหนึ่งล้านคน คุยกับคนที่รู้เรื่อง เขาบอกว่ามีคนติดหุ้นเยอะมาก ขาลงแบบนี้จะทำให้มีคนได้เงินจากหุ้นไม่เกิน 10% บางคนบอกแค่ 3% ของจำนวนผู้เล่น ระวังนะครับ เงินสด ดอลลาร์ดีสุด หุ้นตกใหญ่รอบนี้จะทำให้คนจนลงทั้งโลก เข้าสู่วิกฤติโลกที่แท้จริง ขาลงยาว 3 ปีทั้งโลก จนกว่าจะถึงจุดต่ำสุด จนถึงระดับพีอีเดิมๆ ค่อยขึ้นกันใหม่ ตลาดหุ้นเดิมมีมูลค่าราว 14 ล้านล้านบาท
- มีคนเข้ามาค้าขายใหม่ๆเยอะมาก ตามเทรนด์ของนักเรียนมหาวิทยาลัยที่ประกอบอาชีพอิสระ ส่วนตัวราว 30-40% ของคนที่จบแต่ละปี มีการค้าทางเนตที่เข้ามาแทนการเช่าพื้นที่ในห้าง ราคาสินค้าลดลงมากเพราะค้ากันทางเนต ราคาเหลือแค่หนึ่งในสามของราคาในห้าง
ชาไข่มุก เดิมขายกัน 60-70 ยุคนี้ 20-30 ขายกันเกลื่อน การขยายตัวของเมืองและชุมชนเกิดใหม่ ส่งผลต่อผู้ค้ารายเดิมมาก location location สำคัญ
โดยรวมแล้วไทยก็ดีกว่าประเทศย่านนี้มากทีเดียว การส่งออกของอินโดลดไปสิบกว่าเปอร์เซนต์ ชาวเวียดนามแค่ 19% พอใจผลงานของรัฐบาล เกาหลี สิงคโปร์หดตัวกันมาก
ระวังตลาดหุ้นนะครับ
อยู่เมืองไทย ไม่รู้เรื่องประเทศไทย จะเดินหลงทาง
สมเกียรติ โอสถสภา
- ทำงานบริษัทขนาดใหญ่ top 1,000 ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และข้างนอก ยังมีบริษัทต่างประเทศอีกเป็นหมื่น คนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมรายได้ดีมาก
- ทำงานการค้าชายแดน ประเมินรายได้ไม่ถูกหรอกครับ มันสูงมาก ไม่มีบันทึก ตัวเลขทางการต่ำกว่าตัวเลขจริงเป็นสิบเท่า
- แล้วยังมีคนเปิดกิจการส่วนตัวทั้งที่จดทะเบียน ไม่จดทะเบียน เรียกว่าภาคเอกชน ภาคเศรษฐกิจไม่เป็นทางการ
อาชีพอิสระก็เยอะนะครับ
ขายเป็ด ไก่ หมูเข้าตลาด ขายดอกไม้ปากคลอง เปิดกวดวิชา ขับแท็กซี่ รถตู้ รถทัวร์
ขายของทางเนต ตรงนี้ราว 20% ของยอดการค้าไทยรวยอู้ฟู่มาก
เมืองไทยคนที่รวยก็รวยเงียบๆ ไม่โวยวายให้เป็นที่จับตา ยิ่งคนบ่นมากขอเนียนบ่นด้วย
ในบรรดาคนที่ทำงานของประเทศไทย 28 ล้านคน ก็ประกอบอาชีพตามที่ว่ามา
เดินดุ่มๆดูโน่นนี่ในกทม และต่างจังหวัด คุยกับผู้คนในหลายๆวงการ ก็รู้ว่าเศรษฐกิจโลกกระทบเศรษฐกิจไทยพอสมควรทีเดียวแหละ
ขึ้นอยู่กับว่า
- ถ้าครอบครัวทำงานมีรายได้ประจำ ก็ไม่เดือดร้อนมาก มีขึ้นเงินเดือนด้วย
- คน ครอบครัวในต่างจังหวัดมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในเขตกทม นนทบุรี สมุทรปราการ ราวเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทางถูกกว่ามาก รวมถึงวิถีชีวิต พูดรวมๆบอกได้ว่ารายจ่ายในต่างจังหวัดต่ำกว่าในกรุงอย่างน้อยหนึ่งในสาม
- เมืองไทยยังโชคดีที่อัตราการว่างงานต่ำอันดับต้นๆของโลก มีประกาศหาคนทำงานโดยทั่วไป คนที่ออกจากโรงงาน องค์กรหนึ่งหางานได้รวดเร็ว ยิ่งแรงงานการศึกษาไม่สูง มีความต้องการมาก เริ่มต้นที่ 9,000 บาท
- คุยกับการบินไทยว่า จะโดนเออร์ลี่นี่เดือดร้อนไหม เข้าคิวรอกันเลยครับ เพราะจ่ายงามมาก คงสิทธิต่างๆมากมาย
- มีคนเป็นหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต ราว 79% ของ GDP ลดลงจากที่เคยสูงถึง 89% ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา มีความสุขดี
กลุ่มที่มีปัญหาก็ไม่มีความสุข มีคนชำระคืนไม่ได้ ธนาคารจึงต้องตั้งสำรอง ปล่อยกู้ให้รายใหม่ได้น้อยลง เมื่อรายได้ของธุรกิจ คนค้าขายดูไม่แน่นอน ธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้ใหม่ เงินหายไปจากระบบมาก กำลังซื้อในระบบจึงลดลง
- รัฐวิสาหกิจมีเงินที่ลงทุนไปแล้ว 11 ล้านล้านบาท จะลงทุนเพิ่ม แต่เจอปัญหาว่าไม่มีเงิน เพราะไม่มีกำไร มีเหมือนกันแค่ 5% ของเงินที่ลงทุนไป จะให้รัฐค้ำให้ก็เต็มเพดานความเสี่ยง เงินจึงไม่หมุน
- มีคนเดือดร้อน เจ๊งทองเยอะ ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบลดลงไปมาก เท่าไรประมาณการไม่ถูก สามปีซื้อไปราวสองล้านล้านบาท บริษัทขายทองแม่โน่นนี่รวย พวกค้าทองฟิวเจอร์ด้วย
- เมืองไทยมีคนเล่นหุ้นราวหนึ่งล้านคน คุยกับคนที่รู้เรื่อง เขาบอกว่ามีคนติดหุ้นเยอะมาก ขาลงแบบนี้จะทำให้มีคนได้เงินจากหุ้นไม่เกิน 10% บางคนบอกแค่ 3% ของจำนวนผู้เล่น ระวังนะครับ เงินสด ดอลลาร์ดีสุด หุ้นตกใหญ่รอบนี้จะทำให้คนจนลงทั้งโลก เข้าสู่วิกฤติโลกที่แท้จริง ขาลงยาว 3 ปีทั้งโลก จนกว่าจะถึงจุดต่ำสุด จนถึงระดับพีอีเดิมๆ ค่อยขึ้นกันใหม่ ตลาดหุ้นเดิมมีมูลค่าราว 14 ล้านล้านบาท
- มีคนเข้ามาค้าขายใหม่ๆเยอะมาก ตามเทรนด์ของนักเรียนมหาวิทยาลัยที่ประกอบอาชีพอิสระ ส่วนตัวราว 30-40% ของคนที่จบแต่ละปี มีการค้าทางเนตที่เข้ามาแทนการเช่าพื้นที่ในห้าง ราคาสินค้าลดลงมากเพราะค้ากันทางเนต ราคาเหลือแค่หนึ่งในสามของราคาในห้าง
ชาไข่มุก เดิมขายกัน 60-70 ยุคนี้ 20-30 ขายกันเกลื่อน การขยายตัวของเมืองและชุมชนเกิดใหม่ ส่งผลต่อผู้ค้ารายเดิมมาก location location สำคัญ
โดยรวมแล้วไทยก็ดีกว่าประเทศย่านนี้มากทีเดียว การส่งออกของอินโดลดไปสิบกว่าเปอร์เซนต์ ชาวเวียดนามแค่ 19% พอใจผลงานของรัฐบาล เกาหลี สิงคโปร์หดตัวกันมาก
ระวังตลาดหุ้นนะครับ
อยู่เมืองไทย ไม่รู้เรื่องประเทศไทย จะเดินหลงทาง
สมเกียรติ โอสถสภา
สัดส่วนคนไทย 68 ล้านคน ทำงานอะไรกันบ้าง ไม่รู้เรื่องประเทศไทย จะเดินหลงทาง
Reviewed by admin
on
5:20 AM
Rating:
No comments