ประเทศไทยคือมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวของโลก



ไม่ได้เขียนเรื่องยาวมานาน วันนี้ตื่นตีสามมาเขียนให้เพื่อนธรณ์ ผมอยากให้ข้อมูลภาพสรุปของการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะเป็นประเด็นสำคัญ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนธรณ์แน่นอนครับ ข้อมูลเน้นๆ

ผมพยายามสรุปแบบง่ายๆ โดยข้อมูลทั้งหมดมาจาก ททท. เป็นข้อมูลในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ยืนยันในความถูกต้องจ้ะ

เริ่มจากการท่องเที่ยวของไทย ถือเป็นรายได้หลักของประเทศ และเติบโตขึ้นเรื่อยจนมั่นใจว่าจะมีสัดส่วนเกินร้อยละ 25 ของ GDP ภายในไม่ช้า

เหตุผลตอบง่ายครับ คนทั่วโลกชอบมาเที่ยวประเทศไทยเหลือเกิน ทำให้เราเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และติด 1 ใน 10 ของโลก

เรายังเป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 3 ของโลก (ข้อมูลจาก WTO – World Tourism Organisation)

นอกจากนี้ ใน 10 อันดับแรกของโลก ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นสูงสุด ผิดกับอีก 9 ประเทศที่ค่อนข้างทรงตัวหรือเพิ่มเล็กน้อย

เพราะฉะนั้น เวลาผมพูดว่าประเทศไทยคือมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวของโลก ไม่ใช่เป็นแค่คำพูดเก๋ๆ แต่มีข้อมูลความเป็นจริงรองรับ

ภูมิใจในประเทศไทยในส่วนนี้ได้ครับ


เมื่อดูตัวเลข 6 เดือนแรก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19.44 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 12%

หากเป็นไปตามนี้ ตัวเลขทั้งปีน่าจะเกิน 39 ล้าน เผลอๆ อาจไปแตะ 40 ล้าน หมายถึงเกินเป้าที่เราตั้งไว้ที่ 38 ล้านคน

เมื่อลองเทียบกับนักท่องเที่ยวไทย เรามีการท่องเที่ยว 71.7 ล้านคน/ครั้ง (หน่วยเป็นแบบนี้นะครับ เพราะคนหนึ่งเที่ยวได้หลายครั้ง หน่วยการวัดจึงต่างจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ)

อัตราเพิ่ม 4% หรือน้อยกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 เท่า

เมื่อดูรายได้ จากต่างชาติ 1.01 ล้านล้านบาท (เพิ่ม 16%) เทียบกับนักเที่ยวไทย 4.89 แสนล้าน (เพิ่ม 7%)

ข้อมูลพวกนี้บอกอะไรเราได้บ้าง ?

อย่างแรกคือการท่องเที่ยวไทยจะมีนักเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ เช่น ในทะเล

รายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติก็จะเพิ่มในสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย

เทรนด์นี้เริ่มเห็นมานาน ตั้งแต่รายได้ใกล้เคียงกัน กลายเป็นต่างชาติแซง กลายเป็นแซงเกิน 2 เท่า และตอนนี้ส่วนต่างยิ่งขยับออกจากกันมากขึ้น และจะเป็นเช่นนี้ไปอีก

เหตุผลตอบง่าย ประชากรไทยไม่ได้เพิ่มมากขึ้น จะโปรโมตยังไง คนมีอยู่ใกล้เคียงเดิม อัตราเพิ่มได้สัก 4% ก็เก่งแล้ว (มีออเจ้ามาช่วยด้วย ยังได้แค่นี้ครับ)

สังคมไทยยังเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัย คนแก่จะไปเที่ยวไหนได้มากมาย อย่างเก่งก็ไปเช้าเย็นกลับ (ใกล้แก่แล้วครับ)

เมื่อมองไปข้างหน้า การท่องเที่ยวของคนไทยคงไม่เพิ่มมากมาย ผิดจากนักเที่ยวต่างชาติที่จะมากขึ้นเรื่อยและมีรายได้จากตรงนี้มากขึ้นอีกเยอะ

จึงอยากบอกสัดส่วนว่านักเที่ยวต่างชาติกลุ่มไหนมาแรง ?

อันที่จริง ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง ใครๆ ก็รู้ว่าจีนมาแรงสุดแน่นอน

ตัวเลขนักเที่ยวจากจีน 5.9 ล้านคนในครึ่งปี หมายถึงทั้งปีแตะ 12 ล้าน (คงเกินครับ)

นอกจากนี้ อัตราเพิ่มยังดุเดือดถึง 26%

หากพูดถึงฝรั่งแล้ว รัสเซียเป็นกลุ่มหลักเลยครับ ชอบเมืองไทยมาก ขนาดมีบอลโลกในบ้านตัวเองก็ยังมาเที่ยวไทย 8.8 แสนคน เพิ่มขึ้น 22%

คนรัสเซียชอบไทยอยู่แล้ว แต่อัตราเพิ่มหรือลดขึ้นกับค่าเงินด้วยครับ ตอนนี้ค่าเงินเริ่มดี ก็เลยแห่กันมา ตัวเลขพุ่งลิ่วเมื่อเทียบกับฐานต่ำในอดีต เพราะฉะนั้น กลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงกับการแปรผันได้

ผิดกับคนจีนที่ค่าเงินค่อนข้างคงที่เพราะเป็นค่าเงินหลักของโลก ผลกระทบจากค่าเงินหยวนจึงไม่ค่อยเท่าไหร่

ระยะทางที่ใกล้ ประเทศที่คุ้นเคย คนจีนไทยก็พี่น้องกัน นั่นยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้คนจีนมาไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตัวแปรสำคัญสุดคือการเมืองและความรู้สึก อยากยกตัวอย่างง่ายสุดให้ดู

จีนประกาศลดการส่งกรุ๊บทัวร์ไปไต้หวันตั้งแต่ต้นปี และจะยุติโดยเด็ดขาดตั้งแต่ตุลา-ธันวา ยังหมายถึงการห้ามขายออนไลน์สำหรับนักเที่ยวเองด้วย

เหตุผลคือไต้หวันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี

เพราะฉะนั้น นักเที่ยวจีนย่อมต้องหาที่อื่นไป และจุดหมายใกล้ๆ ในระยะเวลาเท่ากันคงไม่พ้นเมืองไทย ผมถึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังนักเที่ยวจีนจะมากกว่าครึ่งปีแรกด้วยซ้ำ

เรื่องของรายได้จากการท่องเที่ยว จีนก็มาเป็นที่หนึ่ง คนจีนเที่ยวไทยสร้างรายได้ให้เรา 3.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 32% ของรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติ

หากเหลียวไปดูตัวเลขรายได้จากไทยเที่ยวไทย อยู่ที่ 4.89 แสนล้าน ยังมากกว่า แต่ถ้าดูอัตราเพิ่มแล้ว รายได้จากจีนเพิ่ม 32% รายได้ไทยเที่ยวไทยเพิ่ม 7%

อีกไม่กี่ปี รายได้การท่องเที่ยวของเราอาจมาจากคนจีนมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำฮะ

เมื่อลองคิดถึงตัวเลขทั้งปี เราจะพบตัวเลขที่น่าสะพรึง คนจีนเที่ยวไทยสร้างรายได้ให้เรา 6.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 5% ของ GDP

ตัวเลขนี้มากกว่ารายได้จากการส่งออกสินค้าของไทยแทบทุกหมวด เอาเฉพาะแค่ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เราส่งออกปีละ 2.5 แสนล้าน น้อยกว่าจีนเที่ยวไทย 2 เท่าค่อน

จึงไม่น่าแปลกใจที่เราต้องคำนึงถึงตรงนี้ให้มาก ต้องเข้าใจและใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์เพราะมันกระทบความรู้สึกได้ง่าย

เรามาถึงขั้นนี้แล้ว จะปฏิเสธอย่างไรก็คงไม่ได้

เราต้องเข้าใจพวกเขา พยายามช่วยกันปรับตัว ให้เขาปรับตัวด้วย เราปรับตัวด้วย เพื่อรักษาฐานการเติบโตของรายได้นี้ไว้ โดยคำนึงถึงการรักษาทรัพยากรไปพร้อมกัน

และนั่นคือโจทย์ยากสุดของการดูแลทรัพยากรทางทะเล ซึ่งเป็นหัวใจหลักของจีนเที่ยวไทย

เพราะเราไม่ได้คอยพูดคอยตักเตือนคนไทย แต่เราต้องคอยพูดคอยบอกไกด์จีนและนักท่องเที่ยวจีน เพื่อให้ช่วยกันดูแลทะเลของบ้านเรา

ผมยกตัวเลขง่ายๆ ให้ดู วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีคนเที่ยวอ่าวพังงา 3,700 คน เป็นคนไทย 100 คนเศษ

เห็นตัวเลขนี้แล้วตกใจใช่ไหมครับ และตัวเลขนั้นเป็นคนจีนร่วม 3,000 คน ยิ่งตกใจล่ะสิ

ตัวเลขในอุทยานทางทะเลแห่งหลักๆ ในอันดามัน พีพี สิมิลัน ฯลฯ ล้วนเป็นเช่นนี้หมด คนจีนเที่ยวมากกว่าคนไทย และมากกว่าหลายเท่า

นั่นจึงมาถึงบทสรุป

ข้อแรก เราต้องปรับตัวกันเยอะมาก โดยเฉพาะในอุทยานทางทะเลและพื้นที่นอกเขตแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อพยายามรักษาทรัพยากรไว้ให้ได้ ด้วยการบอกกล่าวสร้างความเข้าใจและใช้ระบบที่ทันสมัยในการควบคุมดูแล

ข้อสอง เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลด้านทรัพยากร ต้องปรับตัวขนานใหญ่ ทั้งในเรื่องภาษา ในเรื่องการดูแลทำความเข้าใจ เพราะพี่ๆ เหล่านั้นไม่ได้เจอคนไทยอีกแล้ว จะเจอกับคนจีนฮะ

ข้อสาม เรื่องการศึกษาทางทะเล เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องดูแลทรัพยากร ฯลฯ ควรเน้นการดูงานจากเมืองจีนเพิ่มมากขึ้นให้มากๆ รวมทั้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องคงต้องจบจากเมืองจีนเพิ่มมากขึ้น

ข้อสี่ การบูรณาการร่วมกันเพื่อมองวันนี้และมองไปข้างหน้าสำคัญสุดๆ

ผมกำลังพยายามทำข้อนี้ให้เต็มที่ ทั้งแผนปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ อันที่จริง เรื่องนี้ก็เขียนขึ้นมาระหว่างกำลังพยายามเขียนแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวทางทะเลครับ

ข้อสุดท้าย มอบให้เพื่อนธรณ์ เชื่อผมเถิด การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติคือรายได้ คืออนาคต

บอกอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนงานหรือส่งลูกหลานไปเรียนการท่องเที่ยวโดยตรง แต่อยากให้มองว่าการท่องเที่ยวคือการกระจายรายได้สูงสุด ไม่ว่าอาชีพไหนสาขาใด จะได้ประโยชน์ทั้งนั้น

มองว่าเราจะสามารถได้ประโยชน์อย่างไรจากนักเที่ยวต่างชาติที่มาเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น เราต้องเรียนภาษาไหม ภาษาอะไร ทำอย่างไรให้งานเราเข้าไปเกี่ยวข้องและเกิดประโยชน์ได้

ความสำเร็จของคนในยุคนี้ คือการมองไปข้างหน้า ดูภาพให้ชัด ปรับตัวให้เร็ว เกาะกระแสให้ไว

หากใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ ผมเชื่อว่าคุณพร้อมจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ เพราะไม่เคยมองข้ามข้อมูลใดๆ แม้กระทั่งในเฟซบุ๊กครับ

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ประเทศไทยคือมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวของโลก ประเทศไทยคือมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวของโลก Reviewed by admin on 12:42 AM Rating: 5

No comments