พฤติกรรมคนซื้อและโลกที่เปลี่ยนไป เพราะเริ่มคิดแบบฝรั่ง


เมื่อไปเรียนที่ฮอลแลนด์อายุ 23 สิ่งที่ผมประหลาดใจคือ ทำไมร้านอาหาร ร้านขายของแนวโชว์ห่วย จึงไม่คึกคัก หนาแน่นแบบของไทย ที่เมืองหลวงมีห้างขนาดกลางระดับโลตัสแค่แห่งเดียว

ที่นั่นคนห่อแซนด์วิชไปกินที่ทำงาน ขี่จักรยาน แต่งตัวธรรมดาๆ ไม่ใส่ทอง เพชรพลอย โชว์รถ โชว์รวย เขาก็มีความสุขดีมากนะครับ

ต่อมา ก็รู้ว่าคนดัทช์จ่ายเงินเป็นค่าซื้อบ้าน และที่ดินกันมาก ที่เหลือก็เก็บออมฝากธนาคาร ซื้อหุ้นบริษัท จ่ายภาษีซึ่งหนักมาก ภาษีบ้านคิดตามจำนวนหน้าต่าง เก็บไว้ท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงหน้าหนาว ไม่ค่อยกินอาหารนอกบ้านทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น การช้อปปิ้งไม่เป็นที่นิยม

ข้อดีของไทยคือมีงานที่จ้างคนมาก คือ ร้านอาหาร ธุรกิจขายปลีก ธุรกิจบริการ และกิจกรรมประเภทอีเลกโทรนิกส์ และทอผ้า

จึงได้ข้อสรุปว่า ตอนที่รายได้ของประชาชนในประเทศต่ำ กิจการค้าขายจะรุ่งเรือง เมื่อรายได้คนเพิ่มเริ่มซื้อบ้าน ออมเงิน คนจะจ่ายซื้อของน้อยลง การค้าจะฝืด

ยุคนี้ คนไทยไม่ค่อยมีกำลังซื้อของตามใจชอบแบบแต่ก่อน เพราะเริ่มคิดแบบฝรั่ง มีรายจ่ายประจำสูง

1. จ่ายค่าผ่อนบ้าน กู้หนึ่งล้าน จ่ายสามเท่าว่างั้น สิบห้าปีที่ผ่านมา คนไทยซื้อบ้าน ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดกันมาก ทั้งประเทศ ปีล่าสุดบริษัทต่างๆสร้างออกมาขายราว แปดแสนล้านบาท ลองทบสิบสองปีย้อนหลัง คนเป็นหนี้อสังหาและดอกเบี้ยกันมาก ยาวกันถึง 20-30 ปี
ระยะหลัง คอนโดมีสัดส่วนราว 50% ตอนนี้คนอยู่อาศัยในคอนโดราว 35%

คนที่อยู่ในคอนโด บ้านจัดสรรยังมีรายจ่ายส่วนกลางอีกเยอะ นี่คือรายจ่ายประจำที่หนึ่ง ค่าส่วนกลางนี่อาจพอๆกับค่าผ่อนคอนโด คนไม่ค่อยรู้กัน

การก่อสร้างที่อยู่อาศัยช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการก่อสร้าง แต่ลดกำลังซื้ออย่างอื่นระยะยาวนะครับ การวางแผนประเทศต่างๆจึงคิดกันเยอะกว่าไทย

ก็เหมือนแถวยุโรป อเมริกา เกาหลี

2. รายจ่ายประจำค่ารถยนต์ และค่าซ่อม เมืองไทยนี่คนเป็นเจ้าของยานพาหนะเยอะระดับต้นๆของโลก มีรถยนต์ราว 13 ล้านคัน มอร์เตอร์ไซค์ราว 20 ล้านคัน มีค่าผ่อน ค่าซ่อม

ค่าซ่อม ดูแลรถก็พอๆกับค่ารถ ยังมีดอกเบี้ยอีก

3. รายจ่ายประจำใหม่ที่เพิ่งมา แต่แรง คือ ค่าการสื่อสาร โทรศัพท์ ค่าเนต อุปกรณ์ ค่าแอป ค่าเกม ค่าเคเบิ้ลทีวี โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ตอนนี้คนไทยใช้โซเซียล 84% ของประชากร

4. ค่าการศึกษา เมืองเรานี่ค่าการศึกษาแพงมากนะครับ ค่าเรียนพิเศษ ค่าสอบเข้า ม.1 ม.4 มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเอกชน หลักสูตรอินเตอร์ โรงเรียนอินเตอร์ ห้องกิฟเตด ห้อง EP สมัยผมค่าเทอมโรงเรียน 80 บาทเอง ค่าเทอมมหาวิทยาลัย 600

5. การเอาเงินไปลงในหุ้น เยอะนะครับ ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมูลค่าร่วม 16 ล้านล้านบาทแล้ว คนเล่นหุ้นยุคใหม่ไม่ค่อยใช้จ่ายนะ ประหยัดแนว VI 55 ยังมีค่าประกันชีวิต ประกันสุขภาพต่างๆ กองทุนด้วย เงินไปแล้ว เอาไปลงทุนเมืองนอกบ้าง ไรบ้าง ไม่ค่อยหมุนมาลงที่กราสรู้ท

6. ยังมีของแปลกที่มาใหม่คือรายจ่ายอนาคต บัตรเครดิต หนี้เท่าไรก็ไม่รู้ และดอกเบี้ยปรับ ต้องถามแบงค์ชาติ

ยุคที่การค้าขายรุ่งเรือง รายจ่ายประจำพวกนี้ไม่เยอะ คนซื้อของกัน

เรากำลังเดินไปติดกับดักแบบอเมริกา ยุโรป ภาคการค้าจะลดลง

คนอยู่คอนโดจะซื้ออะไรไปเก็บมากไม่ได้ ที่แคบ ไม่เหมือนยุคก่อน

ถ้าเข้าใจวงจรพวกนี้ และจัดให้ดี การค้าจะรุ่งเรือง เงินจะหมุนสะพัดครับ

พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนเปลี่ยน

ผมว่าคนยุคนี้เปลี่ยนไปเยอะนะครับ

คนรุ่นใหม่ยินดีจ่ายค่าเทคโนโลยี่มากกว่าเพชรทอง สินค้าเทคโนโลยี่ขายดี

คนที่อยู่คอนโดจะซื้อของแนวเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ หนังสือ หรือซื้อของหลายๆชิ้นคงยาก เพราะไม่มีที่เก็บ

คนรุ่นใหม่กลัวอ้วน ร้านที่คิวยาวที่สุดในโรงอาหารมหาวิทยาลัยคือร้านส้มตำ

คนจำนวนมากกินในอาคารสำนักงาน หรือใกล้เคียง จะขับรถไปกินมื้อเที่ยงไกลๆแบบสมัยก่อนไม่ได้ เพราะรถติด ค่ารถแพง ไม่มีที่จอดด้วย

พวกทำงานนิคมอุตสาหกรรม ก็ใช้จ่ายกันในนั้น

สินค้ายุคนี้ก็มีหลายแบรนด์ หลายประเทศ คนกินอาหารที่ไม่ใช่ข้าวเยอะ ของที่ขายมีมากกว่าเดิมเป็นหมื่นๆประเภท

ที่น่ากลัวคือเทคโนโลยี่ใหม่ เจออาหารแช่แข็งเข้า ตลาดหายไปเยอะ แม่ค้าลำบาก

คนรุ่นใหม่สั่งของทางเนตกันเยอะมาก บริการส่งของทางไปรษณีย์แน่น ผมเคยเห็นไปส่งของที่สั่งซื้อทางเนตที่ไปรษณีย์ครั้งละหนึ่งรถบรรทุกเล็ก ยุคนี้รถติดหน้าไปรษณีย์บ่อย ซีพี ปูนใหญ่ และอีกหลายบริษัทจะเข้ามา พนักงานไปรษณีย์ทำงานกัน 3 กะ เยี่ยม

คนยุคนี้กินอยู่แถวบ้านนะครับ เพราะสี่ห้าปีนี้เดินทางลำบาก กำลังสร้างรถไฟฟ้ากัน จึงเกิดชุมชนการค้าใหม่เข้ามา อยู่นอกเมืองเหมือนอยู่เมืองนอก นอกเมืองแบบออสเตรเลีย อเมริกา ไปนั่งชิลล์

ห่วงลูกหลานที่มาจากต่างจังหวัด ทุนไม่หนา เจอฝนตก รถติดสองสามเดือนก็ล้ม วิ่งเข้าหาเงินกู้นอกระบบ

ใจเขาสู้เต็มที่ แต่ขาดความรู้ว่าเมืองยุคใหม่ต่างจากยุคก่อน ลงผิดที่เจ๊ง

ที่จริงเราทำให้เงินสะพัดได้นะครับ ไว้ค่อยเขียนต่อละกัน ดึกแล้วล่ะ

อ้อ แล้วมีของที่ขายดีก็เยอะ จะเล่าให้ฟัง คนรวยกันเยอะ เหมือนกัน

คนดัทช์จ่ายเงินเป็นค่าซื้อบ้าน และที่ดินกันมาก ที่เหลือก็เก็บออมฝากธนาคาร ซื้อหุ้นบริษัท จ่ายภาษีซื่งหนักมาก ภาษีบ้านคิดตามจำนวนหน้าต่าง เก็บไว้ท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงหน้าหนาว ไม่ค่อยกินอาหารนอกบ้านทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น การช้อปปิ้งไม่เป็นที่นิยม

สมเกียรติ โอสถสภา
พฤติกรรมคนซื้อและโลกที่เปลี่ยนไป เพราะเริ่มคิดแบบฝรั่ง พฤติกรรมคนซื้อและโลกที่เปลี่ยนไป เพราะเริ่มคิดแบบฝรั่ง Reviewed by admin on 2:18 AM Rating: 5

No comments