ใครที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงฮ่องกงเพื่อขอแยกเป็นรัฐอิสระ เพื่อที่จะให้จีนสั่นสะเทือนทั้งประเทศ
จีนเก่งในการก๊อปปี้ โรงงานญี่ปุ่น สหรัฐ ไต้หวัน เยอรมัน ที่ไปตั้งฐานผลิตสินค้าที่จีน โดนจีนเอาพิมพ์เขียวไปลอกหมด ทั้งเอาแบบตรงๆหรือแบบทางอ้อม จีนจึงเรียนรู้เทคโนโลยี่แบบก้าวกระโดด จนมาถึงจุดที่สามารถพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยีแล้ว ไม่ต้องยืมจมูกฝรั่งหายใจอีกต่อไป แถมเทคโนโลยีหลายด้านเก่งกว่าฝรั่งด้วยซ้ำ
สำหรับฮ่องกง จีนก็ทำเช่นเดียวกันกับที่ทำกับโรงงานฝรั่งที่ตั้งฐานผลิตในจีน คือก๊อปปี้ หรือทำโคลนนิ่งระบบการเงินลึกล้ำและระบบการค้าที่ซิกแซกของฮ่องกงที่อังกฤษได้วางรากฐานเอาไว้มากกว่า 100 ปี เพราะจีนต้องการสร้างเซี่ยงไฮ้ให้เป็นศูนย์กลางการเงินของโลก
แรกเริ่มจีนไม่มีความรู้ศาสตร์การเงินสมัยใหม่ที่มีระบบแบงกิ้งเป็นหัวใจ โดยมีธนาคารกลางเป็นแม่คอยแจกจ่ายสภาพคล่องให้ธนาคารพานิชย์ รวมท้ังการระบบค้าที่เชื่อมโยงกับระบบการเงิน ด้วยเหตุนี้ เมื่อตอนที่อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้จีนในปี 1997 หลังจากเอาฮ่องกงเป็นอาณานิคมผ่านการบีบเช่า 99 ปี เพราะอังกฤษชนะสงครามฝิ่น จีนจึงไม่รีบผนวกเอาฮ่องกงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แต่ยังปล่อยให้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษต่อไปอีก 50 ปี โดยฮ่องกงยังคงมีระบบการเงิน มีเงินสกุลฮ่องกงดอลล่าร์ มีการค้า เศรษฐกิจ กฎหมาย การศาลของตัวเอง ยกเว้นเรื่องการต่างประเทศ และการทหารที่ปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
การปล่อยฮ่องกงให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษต่อไป 50 ปีไปจนถึงปี ค.ศ.2047 ไม่ใช่เป็นการปล่อยผีให้ฮ่องกงเป็นรัฐอิสระ หรือเพราะแคร์ความรู้สึกของคนฮ่องกงที่สบายพอสมควรเพื่อเทียบกับจีนแผ่นดินใหญ่ หรือเพราะเกรงใจอังกฤษที่กอบโกยผลประโยชน์ความมั่งคั่งมากมายมหาศาลจากการใช้ฮ่องกงเป็นอาณานิคมด้านการค้า การเงินและการขนส่ง แต่เป็นการแช่แข็งฮ่องกงให้เป็นห้องแล็ปต่อไป เพื่อนักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน นักวางแผน นักการค้า รวมท้ังผู้เชี่ยวชาญด้านด้านอื่นๆของจีนจะได้ทำโคลนนิ่งฮ่องกง แล้วเอาความรู้จากการทำโคลนนิ่งนั้นไปพัฒนาเซี่ยงไฮ้ หรือประเทศจีนต่อไป
เมื่อทำโคลนนิ่งฮ่องกงเสร็จแล้ว ต่อไปจีนจะกำหนดให้ฮ่องกงเป็นอะไรต่อไปก็ได้ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ เช่นอาจจะให้ฮ่องกงเป็นเมืองท่องเที่ยวชิวๆธรรมดา หรือเป็นพิพิธภัณฑ์ในภาพรวมเพื่อที่จะสะท้อนความอดสูที่คร้ังหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่จีนต้องพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นกับอังกฤษ และต้องจำใจยอมยกฮ่องกง และหมาเก๊าให้นักล่าอาณานิคมเช่าไปทำธุรกิจด้วยเงื่อนไขที่บีบรัดหัวใจ
การทำโคลนนิ่งระบบการเงินและการค้าของฮ่องกงน่าที่จะจบสิ้นสมบูรณ์แล้ว จีนไม่มีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากฮ่องกงอีกต่อไป จีนรู้หมดว่าใครเป็นใครในฮ่องกง เส้นสายไปมาอย่างไร ใครเชื่อมโยงกับใคร มีการทำธุรกิจสีเทาสีดำ หรือฟอกเงินอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าสัวฮ่องกงที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด หรือเป็นโนมินีให้อังกฤษ
แม้ว่าจะคืนเกาะฮ่องกงให้จีนแล้ว แต่อังกฤษยังคงมีอิทธิพลเหนือฮ่องกงอย่างลึกซึ้ง ผ่านเครือข่ายและระบบที่วางเอาไว้กว่า 100 ปี
เครือข่ายของคนฮ่องกงที่ทำให้งานให้อังกฤษและสหรัฐอีกต่อหนึ่งมีไปทั่ว ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการโจมตีตลาดหุ้นจีน และการทุบค่าเงินหยวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2015 ของกองทุนฝรั่งเพื่อให้ระบบการเงินจีนเจ๊งเหมือนกับที่พวกเฮดจ์ฟันด์ฝรั่งทุบเงินบาทในปี 1997 ก็ทำผ่านตลาดฮ่องกงที่เชื่อมโยงกับตลาดการเงินของเซี่ยงไฮ้และเสินเจิ้น จีนมีหลักฐานการโจมตีตลาดหุ้น การทุบค่าเงินหยวนที่พวกฮ่องกงร่วมมือทำกับฝรั่งหมด แต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจัดการ
จีนไม่ได้เร่งมือในการจัดการกับฮ่องกง เพราะว่าเป็นเรื่องเล็กในสายตาจีนที่ต้องดูภาพรวมในทะเลจีนใต้ เกาหลีเหนือ vs ญี่ปุ่น ความมั่นคงภายใน การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การพึ่งพาตัวเอง การซับพลายของธุรกิจใหม่ การพัฒนากองทัพและแสนยานุภาพทางทหาร การพัฒนาเทคโนโลยีทุกด้าน รวมท้ังการขยายเส้นทางสายไหมเพื่อให้จีนก้าวเป็นมหาอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 21
แต่ผู้ที่เร่งเรื่องฮ่องกงกลับกลายเป็นสหรัฐที่ออกหน้า และอังกฤษที่อยู่ข้างหลังอีกต่อหนึ่ง
กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมาตอกย้ำหลายครั้งแล้วว่าให้อังกฤษ และสหรัฐหยุดแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง จีนต้องอ่านเกมออกอย่างแน่นอนว่า ทั้งสหรัฐและอังกฤษต้องการป่วนฮ่องกง เพื่อที่จะให้จีนสั่นสะเทือนทั้งประเทศ ยิ่งกว่าเหตุการณ์จัตุรัสเทียน อันเหมินในปี 1989 ที่โลกตะวันตกให้การสนับสนุนการก่อหวอดประชาธิปไตยกลางกรุงปักกิ่ง เพื่อเขย่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์ และเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจภายใน แต่ฝ่ายที่อยู่ข้างสหรัฐโดนกำจัด และผู้ประท้วงเทียน อันเหมินโดนปราบจนกระเจิง
30 ปีให้หลังพอดี มีความพยายามของโลกตะวันตกที่จะใช้ฮ่องกงเพื่อสร้างเหตุคล้ายเทียน อันเหมินอีกครั้งเพื่อเขย่าจีนท้ังประเทศ โดยใช้ยุทธการผีเสื้อขยับปีก เพียงแค่ร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างฮ่องกงกับจีน+ไต้หวัน+หมาเก๊า ที่รัฐสภาฮ่องกงที่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร เพราะว่าถ้าไม่ได้ทำผิดข้อหาอะไรที่ร้ายแรง จีนจะเรียกร้องให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปทำไมให้เป็นภาระ
เสียเวลาเปล่าๆ แต่เรื่องเล็กน้อยนี้กลายเป็นการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกง และรัฐบาลปักกิ่งโดยปริยาย
ถ้ามองลึกลงไปการประท้วงฮ่องกงโดยอาตี๋อาหมวยเป็นการก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ให้ฮ่องกงเป็นรัฐอิสระ โดยมีนัยว่าให้อังกฤษ หรือสหรัฐให้มาคุ้มครองการเป็นรัฐอิสระของฮ่องกงแทนปักกิ่ง
สำหรับจีนที่มีประชากรที่ต้องปกครอง 1,400 ล้านคน โทษของการก่อกบฎแยกดินแดนคือการประหารชีวิตสถานเดียว แต่ทำไมอาตี๋อาหมวยที่ออกมาประท้วงเย้วๆไม่ได้มีความเกรงกลัวอะไร
แล้วใครหล่ะที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงฮ่องกงเพื่อขอแยกเป็นรัฐอิสระ?
แน่นอนเลยทีเดียวว่า สหรัฐและอังกฤษเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนม็อบฮ่องกง รวมท้ังเจ้าสัวระดับบิ๊กๆของฮ่องกงที่ทำธุรกิจกับอังกฤษ หรือเป็นโนมินีให้อังกฤษมานาน รวมทั้งนักธุรกิจ มหาเศรษฐกิจระดับพันล้าน หมื่นล้านหลายคนที่เกรงกลัวว่า ต่อไปทรัพย์สิน หรือธุรกิจของตัวเองอาจจะถูกปักกิ่งยึด เพราะว่าตัวเองไม่ได้เป็นแจ็ค หม่าที่ปักกิ่งหนุนเต็มตัวให้เป็นเจ้าพ่ออีคอมเมิร์สแข่งกับเจฟ เบซอสของอเมซอน
ระหว่างธุรกิจฮ่องกงที่อยู่ใต้อิทธิพลของอังกฤษ และธุรกิจฮ่องกงที่อยู่ใต้ปักกิ่งจะเลือกเอาทางไหนดี เพราะว่าธุรกิจฮ่องกงที่อยู่ใต้ฮ่องกงเองไม่มีในโลกความเป็นจริง ปรากฎว่าคนฮ่องกงส่วนมากเลือกที่จะอยู่กับอังกฤษ เพราะว่าคุ้นเคยกันมานาน ต้องเข้าใจว่าการประท้วงก่อม็อบฮ่องกงได้รับการสนับสนุนจากคนฮ่องกงทั่วไปด้วยที่ไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพแพ่งลิบลิ่ว เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง พอจะประมาณได้ว่าคนฮ่องกงที่ต้านรัฐบาลฮ่องมีถึง 70% ส่วนที่นับสนุนรัฐบาลมีเพียง 30% แต่ใน 70% ที่ไม่พอใจรัฐบาลฮ่องกง มีความรู้สึกแอบแฝงที่ไม่เอาปักกิ่งด้วย ต้องการตั้งฮ่องกงเป็นรัฐอิสระ
ฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก คนรุ่นใหม่หมดสิทธิ์ที่จะมีบ้าน มีอาพาร์ตเม้นท์ซุกหัวนอน เพราะว่าราคาแพงลิ่ว ส่วนค่าเช่าก็แสนจะโหดพอๆกัน ที่คนฮ่องกงบ่นเรื่องค่าครองชีพและความเหลื่อมล้ำก็มาจากทุนนิยมการเงิน&เสรีนิยม มือใครยาวสาวได้สาวเอาที่อังกฤษวางระบบเอาไว้ ปักกิ่งยังไม่ได้ไปแตะต้องอะไรฮ่องกงเลย แต่ม็อบฮ่องกงกลับเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ปลอดอิทธิพลของปักกิ่ง ทั้งๆที่ความเหลื่อมล้ำ และค่าครองชีพที่สูงลิ่วเป็นพัฒนาการปลายทางของทุนนิยมการเงินนั้นเอง เรื่องราวจึงดูย้อนแย้งชอบกล และมีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน
ปักกิ่งอ่านเกมการเมืองฮ่องกงออกหมดทะลุปรุโปร่งว่ากำลังเผชิญกับศึกที่ปะทุภายใน โดยอังกฤษ&สหรัฐ ร่วมมือกับเจ้าสัวฮ่องกงบางคนสนับสนุนการก่อหวอดม็อบฮ่องกง และมีการใช้อาตี๋อาหมวยที่อ่อนหัดต่อโลกเป็นหมากในการชุมนุมประท้วงที่ดำเนินมาแล้วกว่า 8 สัปดาห์ ผู้ชุมนุมประท้วงฝันหวานว่าจะชนะ เพราะว่าในที่สุดแล้ว อังกฤษและสหรัฐจะเข้าไปช่วยปลดแอกให้ท้องฟ้าของฮ่องกงมีสีทองผ่องอำไพ แต่ในความจริงแล้ว มีเพียงเศรษฐีฮ่องกงเท่านั้นที่มีพาสพอร์ตต่างประเทศเท่านั้นที่พอจะมีโอกาสรอด พวกเจ้าสัวน่าจะโอนทรัพย์สินไปต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่แล้ว ส่วนคนฮ่องกงชนชั้นกลางธรรมดาที่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงจะตายอย่างเขียด อังกฤษและสหรัฐไม่รับเป็นเรฟิวจีหรอก เมื่อจีนปราบปรามจริงๆ หรือแซงชั่นยกเลิกสัญชาติสำหรับผู้ที่ก่อการคิดกบฎ โดยเฉพาะพวกที่ให้สัมภาษณ์สื่อว่า I am Hong Kong. I am not Chinese. จะโดนยกเลิกสัญชาติก่อนเพื่อน เมื่อจีนยกเลิกสถานภาพเขตปกครองพิเศษของฮ่องกงไปแล้ว พวกนี้จะกลายเป็นเรฟิวจีไร้สัญชาติทันที
ม็อบฮ่องกงมีแต่จะแพ้ หนทางชนะไม่มี เพียงแต่ว่าโศกนาฎกรรมจะระดับไหนเท่านั้นเอง ผู้ที่หนุนม็อบใจร้ายไม่เบา เพราะว่านั่งจิบคอนหยักแล้วส่งเด็กๆไร้เดียงสาไปตายบนท้องถนน เพื่อว่าถ้าเกิดเหตุนองเลือดจะได้เขย่ารัฐบาลปักกิ่งว่า ไม่เคารพประชาธิปไตย เป็นรัฐบาล thuggish ที่นิยมความรุนแรง แล้วจะได้หาเรื่องแซงชั่นจีน หรือถอนทุนการลงทุนจากจีน เพิ่มกำแพงสงครามภาษีที่ทรัมป์เตรียมอยู่พอดี ทั้งนี้เพื่อสกัดจีนไม่ให้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 21
เรื่องราวม็อบฮ่องกงก็มีเท่านี้เอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ หรือน้อยไปกว่านี้ เมื่อเข้าใจม็อบฮ่องกง แล้วหันมามองดูม็อบกีฬาสีเมืองไทย มันก็สูตรเดิมๆ รูปแบบอันเดียวกันนั่นเอง
ใครที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงฮ่องกงเพื่อขอแยกเป็นรัฐอิสระ เพื่อที่จะให้จีนสั่นสะเทือนทั้งประเทศ
Reviewed by admin
on
4:04 AM
Rating:
No comments