วิถีพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง
เวลาเราพูดถึงวิถีพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง หรือความพอเพียง คนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ยิ่งฝรั่งแล้วไม่ต้องพูดเลย เพราะว่าแนวความคิดหรือศัพท์เหล่านี้ไม่มีในหัวหรือในพจนานุกรมของพวกเขา
จะแปลคำว่าพอเพียงเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร? ถ้าจะใช้คำว่าEnough หรือSufficientเพื่อที่จะแปลคำว่าพอ หรือพอเพียง มันจะฟังทะแม่งๆ ความหมายไม่ได้ เพราะว่าความหมายในคำศัพท์หรือภาษา มันเป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจได้ในบริบทของวีถีความเป็นอยู่ หรือจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอีกด้วย
คำว่าพอ เวลาออกเสียงชัดๆเป็นภาษาไทยแล้วมันกินใจ และมีความหมายที่ลึกซึ้ง คำนี้คำเดียวเท่านั้นสามารถหยุดทุกอย่างได้ เพราะว่าเมื่อเรารู้ว่าพอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราก็จะมีความสุข ความพอเพียงคือการพอใจ หรือมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร
มีเงินมากก็ใช้มาก มีเงินน้อยก็ใช้น้อยโดยไม่ต้องตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราใช้เงินน้อยกว่าเงินที่เราหามาได้ เราเป็นนายของเงิน เมื่อเราใช้เงินมากกว่าเงินที่หามาได้ เราตกเป็นทาสของเงิน คนที่ตกเป็นทาสของเงินคือคนที่ไม่รู้จักพอนั้นเอง จึงกลายเป็นคนที่ต้องกังวลใจเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา เพราะว่ามีภาระหนี้สินและดอกเบี้ยที่แพงที่ต้องหาเงินมาจ่ายคืนเจ้าหนี้
ส่วนคนที่รู้จักพอ จะมีความสุขอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะว่ามีสติในใช้จ่ายหรือการดำรงชีวิตที่ไม่ตั้งอยู่ในความประมาทนั้นเอง
ความพอเพียงจึงอยู่ในสายเลือดคนไทยมาแต่โบราณกาล ทำให้คนไทยเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสโอบอ้อมอารีย์ เพราะว่าเมืองไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไม่จำเป็นต้องแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็มีกินมีใช้ ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องขอใครกิน แค่ขยันนิดเดียวก็มีกินมีใช้ตลอด หิวข้าว ก็ไปจับปลาในบ่อในบึงหรือในแม่น้ำ จะผัดผักกินก็ไปเด็ดใบตำลึงอยู่ที่รั้วบ้าน เก็บพริก มะนาวในสวน ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์
คนไทยจึงคิดไม่เหมือนคนอื่น ความสุขของคนไทยคือการพอมีพอกิน พื้นฐานของพฤฒิกรรมของคนไทยโบราณ หรือแม้แต่ปัจจุบันก็ยังเห็นอยู่มากคือความไม่โลภ ไม่ได้ทะเยอทะยานที่จะร่ำจะรวยอะไรกันมากมาย เพราะว่าไม่เห็นประโยชน์ว่าต้องทำมากเพื่อสะสมทรัพย์หรือความร่ำรวย เพราะว่าทำน้อยก็พอมีพอกินแล้ว จะไปทำมากทำไมให้เหนื่อยเปล่าๆ สู้เอาเวลาที่เหลือไปพักผ่อนตีปลา ตีไก่ เลี้ยงนก ร้องเพลงสักวา สังสันต์รื่นเริง ร้องรำทำเพลงให้สนุกไม่ดีกว่าหรือ
ด้วยเหตุนี้โดยพื้นฐานแล้ว คนไทยจึงรักสงบ ใจดี และรักอิสระ รักพวกพ้อง รักชุมชนของตัวเอง คำว่าคนไต คนไท หรือคนไทยมากจากความรักอิสระ หรือตามใจตัวเองนี้เอง ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าสภาวะแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เอื้ออำนวยให้อยู่ดีกินดี มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากมายมหาศาลกินชั่วลูกชั่วหลานก็ไม่มีวันหมด มีที่ดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา จะปลูกอะไร ก็ได้กินสิ่งนั้น โดยไม่ต้องค้นคว้าหรือลงแรงมากนัก เพราะว่าดินดี ภูมิอากาศดี
ยิ่งเรามีระบอบการปกครองแบบพ่อปกครองลูกจึงทำให้เมืองไทยเป็นสวรรค์บนดินดีๆนี้เอง พระเจ้าแผ่นดินเป็นเจ้าของแผ่นดินทั้งประเทศ และก็เป็นพ่อที่เป็นที่รักของประชาชน ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม ให้ชาวบ้านที่ดินเพื่อทำกิน ดูแลไพร่ฟ้าให้มีความสุขตามอัตภาพ และคอยหมั่นตรวจตราสอดส่องความมั่นคงของบ้านเมือง และระวังภัยจากศัตรูข้างนอกที่่จะเข้ามารุกราน พระมหากษัตริย์บำเพ็ญเพียรบารมีของการให้ ทำให้ประชาชนรักพระมหากษัตริย์เหมือนพ่อ
ระบอบการปกครองแบบพ่อปกครองลูกจึงเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุดสำหรับเมืองไทย เพราะว่าผ่านการพิสูจน์แล้วต้องแต่สมัยโบราณกาล ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยบ้าๆบอๆที่ฝรั่งเอามายัดเยียด เพราะว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นนักปกครอง ถูกฝึกมาให้เป็นนักปกครอง เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย เป็นผู้ที่รักษาขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี และเป็นผู้ปกป้องอภิบาลต่อพระพุทธศาสนา มองการไกลเพื่อรักษาความมั่นคงของบ้านเมือง
พระเจ้าแผ่นดินอาจจะทรงประปรีชาสามารถ หรือบางพระองค์อาจจะไม่ทรงประปรีชาสามารถ แต่ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินองค์ใดที่ขายชาติ ผิดกับนักปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นใครก็ไม่รู้ โดยมากมักจะเป็นนักการเมืองเต็มตัว เป็นพ่อค้า นายธนาคาร นักธุรกิจ นักกฎหมาย ฯลฯแค่มีพวกมากหรือมีเงินก็สามารถซื้อเสียงเข้ามาเป็นรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยหลอกประชาชนว่าจะเข้ามาบริหารประเทศเพื่อความเจริญรุ่งเรือง แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกนี้เข้ามากอบโกยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวกันทั้งนั้น และทำให้ประเทศล่มจมในที่สุด ที่สำคัญนักการเมืองทุกคนพร้อมที่จะขายชาติได้ตลอดเวลา ถ้าได้ราคาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ เมืองไทยยังมีบุญที่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา มีพระผู้ใหญ่คอยสอนแนวทางขององค์พระศาสดาในการการทำดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้ผ่องใส สอนให้รู้จักปล่อยวาง และสอนแนวทางของความหลุดพ้น เมืองไทยมีความเจริญทางด้านจิตใจที่สูงส่งมาก เพราะว่าเรามีธรรมของพระพุทธเจ้า
ผิดกับฝรั่งที่ต้องต่อสู้กับความแร้นแค้น เพราะว่าบ้านเขาเป็นเมืองหนาว ไม่เหมาะสำหรับการทำเกษตร บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามเกือบตลอดเวลาเพราะแย่งที่ทำกินกัน ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด อดๆอยากๆตลอดเวลา ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัว ต้องพยายามเอาเปรียบคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด ต้องสะสมทรัพย์ให้มากที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันความอยู่รอด
ลองคิดดูดีๆ ตั้งแต่อดีตแล้ว บ้านเมืองเราเจริญกว่าฝรั่งทางด้านจิตใจ มีความสงบสุข มีความพอเพียง มีกินมีใช้ตลอด ไม่อดอยาก มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีระบอบพ่อปกครองลูกที่เป็นแบบอย่างตั้งแต่สมัยสุโขทัย มีพระพุทธศาสนาที่เป็นแหล่งปัญญา และทางออกของมนุษย์และโลก แต่ทำไมวันนี้คนไทยจึงมีแต่ปัญหา ไม่มีความสุขเหมือนปู่ย่าตายาย ทำไมมีหนี้สูงกันทุกคน ทำไมต้องขายที่ดินทิ้ง ทำไมไม่มีเวลาว่างเพื่อการฉันทนาการเหมือนในอดีต
เป็นคนไท แต่ทำไมจึงกลายเป็นทาสโรงงาน ทาสของเงิน ทาสของเจ้าหนี้ ทาสของนักการเมือง ทาสของห้างสรรพสินค้า ทาสของห้างสะดวกซื้อ ทาสของการบริโภค ทาสของการไม่รู้จักพอ และที่สำคัญที่สุดเป็นทาสของต่างชาติโดยไม่รู้ตัวกัน?
ทนง ขันทอง
วิถีพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง
Reviewed by admin
on
8:36 PM
Rating:
No comments