"เขย่าขั้ว" ตอนจบ


บทความการวิเคราะห์ ของ CRS, ถังความคิด Rand และจากวารสาร Foreign Affairs ของถัง CFR น่าจะทำให้เราเห็นความคิดของอเมริกาว่า มองความมีอำนาจ ความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ในฐานะมหาอำนาจ หนึ่งเดียวในโลก ที่มีขั้วอำนาจเดียว อย่างไร และมองชาติอื่น อย่างให้เกียรติ หรือ หยามเหยียดเขามากน้อยแค่ไหน

และถ้าเราอ่านการวิเคราะห์ ที่ออกมาเป็นแผง ในช่วงกลางปี ค.ศ.2016 ในท่วงทำนองเดียวกันเกี่ยวกับรัสเซียและจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกล่าวอ้างว่า 2 ประเทศกำลังขึ้นชั้นมาทาบรัศมี เป็นมหาอำนาจระดับ 7 ดาว หรือมีพฤติกรรม หรือท่าทีที่แสดงความยะโส อวดดี ฯลฯ แล้วเราก็สรุปเอาว่า อเมริกาน่าจะกำลังหนักใจ ที่มีผู้มาท้าทายพร้อมกันถึง 2 ราย จนถึงกับต้องส่งเสียงขู่กลับเรื่องทำสงคราม.... หรือสรุปไปไกลว่า นี่เป็นอาการปอดแหกของอเมริกา เพราะมหาอำนาจ ที่เพิ่งขึ้นชั้น เขากำลังจับมือกันเตรียมถีบอเมริกา ...ถ้าสรุปแบบนั้น เราก็อาจจะประเมินอเมริกาผิดไปหลายกิโล...

มันไม่ใช่เรื่อง รัสเซีย จีน จะมีพฤติกรรมอย่างไร คิดอย่างไร ... ประเด็นมันอยู่ที่การคิด การกระทำของใครก็ตาม.... ถ้าไม่ได้เป็นไปตามที่อเมริกาเห็นชอบ หรือแค่อเมริกา "คิด" ว่า ไปขัดขวางประโยชน์ของอเมริกา.... อเมริการับไม่ได้ทั้งนั้น เพราะอเมริกา "เคยตัว" กับการเป็นผู้คุมเกมทั้งหมดของโลกอย่าง "เบ็ดเสร็จ" อเมริกาเท่านั้น ที่จะดำเนินการกับใคร อย่างไรก็ได้ ตามที่รายงานของ CRS ของรัฐสภาอเมริกันก็เขียนเอาไว้เอง... แต่วันนี้ความเบ็ดเสร็จนั้น ไม่แน่ว่าจะยังอยู่ครบถ้วนเต็มร้อยเหมือนเดิม .... มันเป็นความขัดใจ ไม่สบอารมณ์ครับ ...ไม่ใช่ปอดแหก

อเมริกา เป็นประเทศที่คิดเป็นระบบ มีแผนยุทธศาสตร์ของประเทศที่วางล่วงหน้ามาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 75 ปี หรืออาจจะ 100 ปีด้วยซ้ำ ทำทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเดินตามแผนที่ตัวเองวางไว้อย่างแทบจะไม่หลุดจากแผนเลย รัฐบาลใด พรรคใด ประธานาธิบดีคนไหน เป็นเพียงตัวละครของฉากประชาธิปไตย ที่อเมริกาแสดงให้โลกทึ่ง เชื่อ และชื่นชม ...และด้วยวิธีคิด การวางแผนและดำเนินการอย่างนี้... อเมริกาจึงก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก... มีโลกทั้งใบอยู่ใน (กำ) มือของอเมริกา ....ตามแผนที่วางไว้

อเมริกามีแผนที่จะยึดครองยูเรเซียมาตั้งก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัดสินใจเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนหนึ่ง ก็เพื่อให้แน่ใจว่า แผนยึดครองยูเรเซีย รวมไปถึงทั้งโลกจะสำเร็จตามเป้าหมาย (ผมเล่าถึงแผนนี้ของอเมริกา ในนิทานเรื่องแรกๆ 2 ปีกว่ามาแล้ว)

และอเมริกาก็ประเมินไว้แล้วว่า วันหนึ่ง รัสเซีย จีน จะโตขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ ขวางทางการครองโลกแต่ผู้เดียวของอเมริกา

อเมริกาจึงเฝ้าดูพัฒนาการ ของรัสเซีย จีน มาตลอด ตั้งแต่รัสเซียยังเป็นหน่อที่พยายามงอกให้พ้นดิน และตั้งแต่จีนยังใส่เสื้อสีเทาทั้งเมือง และอเมริกาก็วางแผนสกัดการโตของทั้ง 2 ประเทศมาตลอดอย่างไม่เคยหยุด หรือยั้งมือ

แต่แผนสกัดของอเมริกา จะได้ผลตามเป้า หรือจะไร้ผลก็ยังไม่รู้แน่

อเมริกาวางแผนสกัด รัสเซีย จีน เสียขนาดนั้น ทั้ง 2 ประเทศก็ย่อมต้องจับมือกันเป็นแนวร่วม เพื่อป้องกันการขยายอำนาจของอเมริกาเข้ามาในบ้านตัวเป็นธรรมดา

เมื่อเห็น 2 ประเทศจับมือกันแน่น อเมริกาก็ปรับแผ่นใหม่ในช่วงก่อนปี ค.ศ.2000 เล็กน้อย แปลว่า อเมริกามีแผนสกัดหรือกำจัด การจับมือกันของ 2 ประเทศ ที่จะกลายเป็นการคุกคาม ความมีอำนาจหนึ่งเดียวของอเมริกา อย่างน้อยประมาณ 15 ปีมาแล้ว

อเมริการู้อยู่แล้วว่า วันหนึ่งรัสเซียต้องเป็นหน่อที่โผล่พ้นดิน อย่างแหลมคม และวันหนึ่งจีน ไม่ใช่เป็นอาเฮียนับแต่เงิน แต่แอบลับกระบี่ซ่อนคมอีกด้วย ....

อเมริกาจึงสร้างความวุ่นวายในตะวันออกกลาง ที่สามารถสร้างคลื่นกระแทกไปถึงประตูหลังบ้านของรัสเซีย ตามทฤษฏีเสี้ยวพระจันทร์ของไอ้แสบ Brzezinzki ที่มันพล่ามมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 นั่นล่ะครับ และหลายปีมานี้ เราก็คงเห็นว่าบริเวณจันทร์เสี้ยวและใกล้เคียง หรือเกี่ยวข้อง ก็มีเรื่องร้อนระอุ เสียวไส้ ไล่ไปหมด ตั้งแต่ เลบานอน อียิปต์ ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน อิรัค และเยเมน ที่ตอนนี้ ก็ยังร้อนระอุอยู่ เพื่อล่อให้รัสเซียมาพะวักพะวงอยู่ทางฝั่งนี้ ที่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน หรือเพื่อนของเพื่อนรัสเซียทั้งนั้น เพื่อเป็นการขวางการพนึกกำลังระหว่างเพื่อน และตัดขาดการจับมือระหว่างรัสเซียกับจีน หรือจับมือกันให้มันน้อยลง

ขณะเดียวกัน อเมริกาก็สั่งให้นาโต้ ขนกำลังไปอัดกันแน่น อยู่แถวโปแลนด์ รูมาเนีย ลิทัวเนีย เอสโทเนีย เพื่อแหย่รัสเซีย ว่า ถ้าบ้องไฟมาจากหลังบ้านยังไม่ร้อนพอ ก็รอจากข้างบ้านด้วยนะ

อเมริกา รู้ซึ้งดีถึงศักยภาพของกองทัพรัสเซีย อเมริกาจึงไม่รบตรง แต่ใช้วิธีการล่อให้รัสเซียพะวักพะวง เหตุการณ์นอกบ้านที่อเมริกาจัดให้ จะลามมาถึงบ้านรัสเซียไหม จะให้ดี ล่อให้หมีถลาออกมาเล่นนอกบ้าน ตามเกม และตามจังหวะที่อเมริกากำกับ ยิ่งดีใหญ่ .... อเมริกาคิดว่า หมีเล่นอยู่กลางทะเลทรายนานๆ หมีอาจแห้งกรอบได้ อเมริการอเวลานั้น ที่จะเข้ามาเคี้ยวหมี ตอนแห้งกรอบ ..

ขณะเดียวกัน อเมริกา ยังไม่รู้แน่ถึงความคมของกระบี่จีนว่าคมจริงอย่างที่เขาลือกันหรือไม่ ...ถึงมีฝาชีฤทธิ์แรงอย่าง A2/AD ก็ตาม แต่แปซิฟิก มันถิ่นของอเมริกานะ ให้ใครชิงไป โดยเฉพาะมือใหม่ อายเขาตายโหง... อเมริกาจึงต้องมากำกับลูกหาบแถบนี้เอง ยกกองทัพเรือมาซุ่มอยู่แถวหน้าบ้านอาเฮียเต็มไปหมดแล้วตอนนี้ แต่สื่อฟอกย้อมค่ายอเมริกา ไม่มีวันออกข่าวนี้ให้หรอก ต้องควานหาจากข่าวท้องถิ่น

แต่ก้าวของรัสเซีย ที่เข้าไปในซีเรียปีที่แล้ว บวกกับเรื่องการปลูกเกาะของอาเฮียแถวทะเลจีน นี่สิ....มันเป็นก้าวที่อเมริกา น่าจะคาดไม่ถึง... ว่า ทั้งรัสเซียและจีน จะกล้าใช้ยุทธศาสตร์ "ขยายแนวรับ หรือขยายแนวต้าน" ที่ "ไม่เป็น" ไปตามเกมและจังหวะ ตามแผนของอเมริกา

และเมื่อรวมกับก้าวของน้องคิม ที่ทดลองยิงบ้องไฟ เฉียดขนจมูกคุณอาเบะหัวหน้ากระเป๋งแบกถาด ช่วงต้นและกลางปีนี้ ( ค.ศ.2016) อเมริกาคงเห็นแล้วว่า รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ (ยังไม่ถึงคิวอิหร่าน แต่ผมพอจะเห็นเค้าลางๆ ถ้าเห็นชัดขึ้น จะมาเล่าสู่กันฟังครับ) ใช้ยุทธศาสตร์ขยายแนวรับมือ หรือแนวต้าน ทั้งด้านกองกำลัง(รัสเซียในซีเรีย) และด้านอาวุธ (A2/AD + บ้องไฟ) มาเป็นแนว แบบถามใจอเมริกาดูหน่อย เหมือนกันหมด

และนี่น่าจะเป็นคำอธิบายว่า ทำไม บทวิเคราะห์ บทความทั้งหลาย จึงออกมาในจังหวะใกล้เคียงกัน มีเนื้อความใกล้เคียงกัน เขียนเหมือนโรเนียวตามแม่แบบ ใส่สีเสียเข้ม เพื่อลวงให้ชาวโลกเข้าใจไขว้เขวไปว่า รัสเซีย จีน คือผู้ร้าย แต่จริงๆ น่าเป็นการจะส่งคำตอบถึง ว่าที่มหาอำนาจ ทั้ง 2 กับพรรคพวกว่า " ...พวกมึง แน่ใจหรือว่า พร้อมจะรบกับพวกกูแล้ว ...."

มันเป็นรายการเขย่าขั้วกันไปมา ซึ่งไม่แน่ว่าจะดำเนินไปอีกนานเท่าไหร่ กว่าขั้วจะคลอน หรือถึงเวลาโค่นกันจริงๆ ผมตอบไม่ได้ชัด เพราะไม่ได้เป็นผู้วางแผนของฝ่ายไหน (แต่เชียร์ฝ่ายไหน คนอ่านนิทานคงดูออก) ได้แต่ตามดู
และเชื่อว่า ขั้วถูกเขย่า...แรงพอ... ถึงได้มีการยกระดับ การวิเคราะห์หรือการด่า แล้วครับ

ท่านที่อ่านนิทานเรื่องที่แล้ว "ฤทธิ์ดาว หรือสันดาน" คงพอจำได้ว่า ผมเขียนว่า....โลกเราเปลี่ยนไปแยะ ...มันมาถึงจุด ที่คุยไม่รู้เรื่องกันแล้ว

นิทานเรื่องนี้ ตั้งใจจะบอกว่า โลกก้าวต่อไปอีกจังหวะแล้วนะ ....ไม่ใช่แค่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วเท่านั้น .... แต่ขั้วอเมริกา พี่เบิ้มมหาอำนาจจอมหน้าไหว้หลังหลอก หรือจริงๆ ก็คือ จอมตอแหล... ได้ยกระดับ.... พูดเรื่องการทำสงครามขึ้นมาเป็นประเด็นให้เราคิดแล้ว...(ไม่ใช่นักวิเคราะห์ข้างถนน อย่างลุงนิทานที่เขียนถึงอาการขั้วเขย่ามาเกือบ 2 ปีแล้ว คนแก่ตายาว)

พี่เบิ้มยกประเด็นเรื่องสงครามผ่านถังขยะต่างๆออกมาเป็นระนาว ... จะเป็นการขู่แบบ ขู่ไปถอยไป หรือเป็นการขู่จริง.... ถ้าเราไม่ให้ความสนใจกันบ้าง มันก็ยากที่จะเข้าใจความเคลื่อนไหวของเขา ว่าอันไหนจริง อันไหนลวง ยิ่งสื่อที่เสนอข่าวส่วนใหญ่ เป็นสื่อในสังกัดของเขา เสนอแต่ข่าวที่เขาฟอกย้อมมาแล้ว หรืออยากให้เรารู้แค่นั้น แบบนั้น .. เราก็ไม่แคล้วกลายเป็นเหยื่อเขาต่อไปอีก

เหมือนอย่างเรื่องโมสุล กลายเป็นข่าวร้อนขึ้นมาแทนซีเรีย แน่ใจได้หรือว่าเป็นเรื่องกองทัพอิรัคต้องการไล่ไอซิส ผมเล่ามาหลายเดือนแล้ว ว่าอยู่ดีๆ คุณโจเหี่ยว รองประธานาธิบดีของอเมริกา ก็ไปโผล่หารือเครียดอยู่ที่อิรัคอย่างไม่มีหมายกำหนดการณ์ล่วงหน้า ต่อมาคุณเต้าหู้บูดรัฐมนตรีกลาโหม ก็แอบไปอิรัคเหมือนกัน ต่อจากนั้นก็ไปเยอรมัน และโปแลนด์

เช่นเดียวกับตัว พณ.ท่านใบตองแห้งเอง ก่อนไปประชุม G20 ที่จีน ยังแอบขึ้นเครื่องบินไปตรวจปะการังเทียมแถวหมู่เกาะมิดเวย์ ไม่ไกลจากหน้าบ้านอาเฮีย

หรือเรื่องนางแม่มดน้ำยาอุทัย ไปตรวจฐานทัพญี่ปุ่น ที่จิบูติ ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเยเมน ไม่กี่วันหลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม

พอต่อภาพออกไหมครับ ว่าฝั่งอเมริกากำลังคิด หรือทำอะไร

ถ้ามีใครคิดรบจริงๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรบ (ไม่นับอาวุธยุทโธปกรณ์กับกำลังพล) คือสต๊อกน้ำมัน ( พายเรือรบคงไม่ไหวนะครับ) เพราะฉนั้น.... ต้องตามดูการเคลื่อนไหว ของประเทศที่เป็นเจ้าของน้ำมัน ประเทศที่ "คุม" ประเทศที่มีน้ำมัน และประเทศที่อยู่ใกล้เส้นทางเดินของน้ำมัน โดยเฉพาะที่อยู่ ใกล้จุดรัดคอ choke point ...กับตามเรื่องทุน... ไม่มีทุนก็รบไม่ได้นาน....

ใครกำลังได้เปรียบ ใครกำลังเสียเปรียบ ก็ลองคิดกันดู ....แต่ไม่มีเรื่องปอดแหก ใส่เกียร์ถอยหลังทั้ง 2 ขั้วครับ ...และนี่เป็นจุดที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องความรุนแรง

ไม่จำเป็นต้องเชื่อ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยในสิ่งที่ผมเขียน แค่อ่าน และเอาไปคิดต่อ ก็พอครับ

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
"เขย่าขั้ว" ตอนจบ "เขย่าขั้ว" ตอนจบ Reviewed by admin on 10:14 PM Rating: 5

No comments