ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย จักรวรรดินิยมตะวันตกปล้นประเทศทำคนไทยจนยาว
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่งคั่งมาก
ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีเงินตราต่างประเทศสะสมไว้มากมาย ทั้งเงินพระคลังมหาสมบัติ และเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3
เรียกว่า เงินถุงแดง ที่ต้องใส่ไว้ในถุงแดงเพราะเป็นความเชื่อแบบจีนว่า ใส่ไว้ในถุงแดงจะไม่มีอันตรายและทำให้เกิดความมั่งคั่ง
มียอดเงินรวม 5 ล้านฟรังก์
เงินตราต่างประเทศของไทยได้มาจากการแต่งสำเภาไปทำการค้ากับจีน ในยุคนั้นทะเลจีนใต้ จีนคุม
เงินตราต่างประเทศที่ได้มาอยู่ในรูปเงินเหรียญทองเม็กซิโก เงินเปรู ยุคนั้นโลกใช้เหรียญทองเป็นหลัก
เงินหนึ่งบาทมีค่าเท่ากับสองฟรังก์ของฝรั่งเศส เป็นเงินสกุลแข็งทีเดียว อัตราแลกเปลี่ยนกับปอนด์อังกฤษ สมัย ร.4 อยู่ที่หนึ่งบาทเท่ากับหนึ่งปอนด์ ความมั่งคั่งของประเทศไทยเป็นที่รู้กันทั่วไป
กำไรจากการค้า นำมาใช้เป็นเงินบริหารประเทศ และสะสมไว้เช่นเดียวกับสำรองเงินตราประเทศในปัจจุบัน
เป็นหลักฐานยืนยันว่าประเทศไทยเป็นนักการค้ามาแต่โบราณ
แต่ความมั่งคั่งนี้เองที่นำภัยมาสู่ประเทศ เพราะประเทศอื่นต้องการเข้าปล้น
ด้วยเงินที่สะสมไว้ และค้าขายหามาได้เรื่อยๆ รัชกาลที่ 5 พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางรากฐานในการพัฒนาชาติ มีรถไฟ รถราง ไฟฟ้า โทรศัพท์ ขุดคูคลองเพื่อการสัญจรทางน้ำ สร้างถนน สร้างอาคารที่ทำด้วยซีเมนต์ สร้างโรงเรียน จัดการศึกษา จัดการปกครองในรูปมณฑล ติดต่อต่างประเทศ จ้างผู้เชียวชาญ สร้างระบบไปรษณีย์ โทรเลข จ้างครูต่างประเทศมาสอนภาษา ทรงเลิกทาส บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
ญี่ปุ่นส่งคณะมาดูงานที่ประเทศไทย แล้วเอาไปทำ
เหตุใดประเทศไทยที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจึงไม่สามารถเดินต่อไปได้
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดลัทธิล่าเมืองขึ้น จักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาในเอเซีย อังกฤษยึดพม่า, มลายู ฝรั่งเศสยึดเวียดนาม
มียอดเงินรวม 5 ล้านฟรังก์
เงินตราต่างประเทศของไทยได้มาจากการแต่งสำเภาไปทำการค้ากับจีน ในยุคนั้นทะเลจีนใต้ จีนคุม
เงินตราต่างประเทศที่ได้มาอยู่ในรูปเงินเหรียญทองเม็กซิโก เงินเปรู ยุคนั้นโลกใช้เหรียญทองเป็นหลัก
เงินหนึ่งบาทมีค่าเท่ากับสองฟรังก์ของฝรั่งเศส เป็นเงินสกุลแข็งทีเดียว อัตราแลกเปลี่ยนกับปอนด์อังกฤษ สมัย ร.4 อยู่ที่หนึ่งบาทเท่ากับหนึ่งปอนด์ ความมั่งคั่งของประเทศไทยเป็นที่รู้กันทั่วไป
กำไรจากการค้า นำมาใช้เป็นเงินบริหารประเทศ และสะสมไว้เช่นเดียวกับสำรองเงินตราประเทศในปัจจุบัน
เป็นหลักฐานยืนยันว่าประเทศไทยเป็นนักการค้ามาแต่โบราณ
แต่ความมั่งคั่งนี้เองที่นำภัยมาสู่ประเทศ เพราะประเทศอื่นต้องการเข้าปล้น
ด้วยเงินที่สะสมไว้ และค้าขายหามาได้เรื่อยๆ รัชกาลที่ 5 พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางรากฐานในการพัฒนาชาติ มีรถไฟ รถราง ไฟฟ้า โทรศัพท์ ขุดคูคลองเพื่อการสัญจรทางน้ำ สร้างถนน สร้างอาคารที่ทำด้วยซีเมนต์ สร้างโรงเรียน จัดการศึกษา จัดการปกครองในรูปมณฑล ติดต่อต่างประเทศ จ้างผู้เชียวชาญ สร้างระบบไปรษณีย์ โทรเลข จ้างครูต่างประเทศมาสอนภาษา ทรงเลิกทาส บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
ญี่ปุ่นส่งคณะมาดูงานที่ประเทศไทย แล้วเอาไปทำ
เหตุใดประเทศไทยที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจึงไม่สามารถเดินต่อไปได้
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดลัทธิล่าเมืองขึ้น จักรวรรดินิยมตะวันตกเข้ามาในเอเซีย อังกฤษยึดพม่า, มลายู ฝรั่งเศสยึดเวียดนาม
หลายๆประเทศบุกเข้ายึดดินแดนชายฝั่งของจีน ดัตช์เข้ายึดอินโดนิเซีย อังกฤษเข้ายึดออสเตรเลีย
สงครามเกิดขึ้นในยุโรป เยอรมันบุกเข้ายึดดินแดนฝรั่งเศสบางส่วน บอกว่าจะคืนดินแดนให้ ฝรั่งเศสต้องจ่ายเงิน 4 ล้านฟรังก์ เรือรบฝรั่งเศสบุกไทยเลยครับ
เงินของประเทศไทยหมดคลังหลวง ขนเงินถุงแดงจ่ายไปด้วย เงินไม่พอพระราชวงศ์ พระบรมวงศานุวงศ์ต่างก็ขนทอง เพชร พลอยไปใส่เรือให้ฝรั่งเศสที่ท่าราชวรดิษฐทั้งวัน ทั้งคืน เข็นกันไปจนถนนสึกเป็นร่อง รวมน้ำหนักเงิน ทองที่ขนจากประเทศไทย 23 ตัน เอาลงเรือไปฝรั่งเศสไถ่ประเทศคืนจากเยอรมัน
ผมเดินย่านนั้น เจ็บปวดทุกครั้ง
เรือรบฝรั่งเศสมาจอดแถวท่าน้ำโอเรียนเต็ล ให้เวลา 48 ชั่วโมง
สงครามเกิดขึ้นในยุโรป เยอรมันบุกเข้ายึดดินแดนฝรั่งเศสบางส่วน บอกว่าจะคืนดินแดนให้ ฝรั่งเศสต้องจ่ายเงิน 4 ล้านฟรังก์ เรือรบฝรั่งเศสบุกไทยเลยครับ
เงินของประเทศไทยหมดคลังหลวง ขนเงินถุงแดงจ่ายไปด้วย เงินไม่พอพระราชวงศ์ พระบรมวงศานุวงศ์ต่างก็ขนทอง เพชร พลอยไปใส่เรือให้ฝรั่งเศสที่ท่าราชวรดิษฐทั้งวัน ทั้งคืน เข็นกันไปจนถนนสึกเป็นร่อง รวมน้ำหนักเงิน ทองที่ขนจากประเทศไทย 23 ตัน เอาลงเรือไปฝรั่งเศสไถ่ประเทศคืนจากเยอรมัน
ผมเดินย่านนั้น เจ็บปวดทุกครั้ง
เรือรบฝรั่งเศสมาจอดแถวท่าน้ำโอเรียนเต็ล ให้เวลา 48 ชั่วโมง
มิฉะนั้นจะยึดประเทศ และยิงวัดพระแก้ว พระราชวัง
ผมมานั่งคำนวณดู พบว่า
ถ้าฝรั่งเศสไม่มาปล้นไทยไป ประเทศนี้มีสำรองเงินตราเพียงพอที่จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกสมัยรัชกาลที่ 7 อย่างสบาย ไม่ต้องเอาข้าราชการออกจากงาน
นักเรียนทุน 326 คน ก็จะได้มาทำงานวางหลักในด้านต่างๆให้ประเทศ ประเทศไทยมีเงินทุนที่จะลงทุน ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ตั้งธนาคาร ทำถนนหนทาง มีการศึกษาสองภาษา มีผังเมือง ผังประเทศ ประเทศไทยจะก้าวหน้าเหมือนกับญี่ปุ่น
มีเงินเหลือพัฒนาประเทศมากมาย ยุคนั้นเงินหนึ่งสตางค์มีค่ามาก
แล้วอังกฤษก็มา
สมัยรัชกาลที่ 5 อังกฤษมาช้า ฝรั่งเศสปล้นไปก่อนแล้ว จึงเอาไปแค่ดินแดน แต่ดินแดนที่อังกฤษเอาไป เป็นท่าเรือทั้งนั้น กะไม่ให้ไทยไปค้าขายกันเลย เช่น มะริด ทะวาย ตะนาวศรี และเปอร์ลิส กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ ไทยมีปัญหาทางออกทะเลจนปัจจุบัน
ยังให้ทำสัญญาว่า จะไม่ขุดคอคอดกระ
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษจัดหนัก บอกว่าไทยต้องบริจาคข้าวให้ฟรีจำนวน 3 ล้านตัน ทั้งๆที่ในสัญญาพูดแค่ 1.5 ล้านตัน
ที่จริงกะจะไม่ให้ประเทศไทยมีกองทัพด้วย
ช่วงนี้สมัย ร.7-8
ข้าวเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ เจอเงื่อนไขนี้เข้า ประเทศไทยไม่มีเงินพัฒนา ค่าเงินบาทลดเหลือหนึ่งปอนด์ต่อหกสิบบาท จากสมัยก่อนหนึ่งบาทต่อหนึ่งปอนด์
รัฐบาลได้เงินมาก็เอาไปซื้อข้าวส่งไปให้ ไม่มีเงินพัฒนาประเทศ อังกฤษทำให้ชาวนาไทยจน เพราะต้องทำให้ราคาข้าวต่ำ ไม่ใช่กระฎุมพีที่ไหนหรอก
ค่าเงินลดมาก พัฒนาลำบาก ต้องเริ่มสะสมสำรองกันใหม่ เทียบกับปอนด์ ค่าเงินลดหกสิบเท่า จนเฉียบพลัน ค้าขายขาดดุล ค่าเงินลดยิ่งกว่าวิกฤติปี 40 ตอนนั้นลดลงเท่าเดียว
นั่งคิดเลขดูเงินที่ฝรั่งปล้นไปตั้งแต่สมัย ร.5 จนสมัย ร.7 นี่ทำให้คนไทยจนยาว
เมื่อญี่ปุ่นยกทัพเข้าไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ใช้เงินของแบงค์ชาติจนหมด และพิมพ์เงินเองให้กองทัพญี่ปุ่นใช้ ทำให้เงินไทยตกมาก ไม่มีสำรอง
ไทยก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากญี่ปุ่น ญี่ปุ่นขนเงินมาลงทุนในไทย ก็มีความรู้สึกเรื่องประวัติศาสตร์กันอยู่
อเมริกาเข้ามาช่วยกันอังกฤษ แต่ก็ได้สัญญา most favoured nation ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด และยกเว้นภาษีปิโตรเลียมด้วย ให้ประเทศเดียว
เมื่อเริ่มพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ปี 2503 ใช้เงินกู้ ก็มาเจอสงครามในภูมิภาค ร่วม 25 ปี เอาตัวมาให้รอดได้ก็บุญโข ใช้เงินไปเยอะ
สงครามสงบปี 2530 ค้าขายได้เงินมาสิบปี พอปี 2540 ก็เจอฝรั่งหลอก เจ๊งไปอีกหลายปี เสียหายราวสามล้านกว่าล้านบาท โง่เองด้วย
พอเริ่มจะแข็งแรงคนไทยก็ตีกันตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันนี้
มีน้ำมาดับเย็นบ้างช่วงปี 2554 น้ำก็มามากจัง ธนาคารโลกบอกว่าพังไปหนึ่งล้านสามแสนกว่าล้าน โรงงานอพยพ 7,000 โรงงาน ธนาคารโลกคำนวณไว้
วันนี้เขียนประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยให้อ่านครับ
ชีวิตประเทศมีขึ้นมีลง คนก็เหมือนกัน ได้แค่นี้ก็บุญโข
สำรองประเทศยังอยู่อันดับยี่สิบกว่าของโลกนะเนี่ย
ผมไปฝรั่งเศส ยังนึกว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ใช้เงินของไทยไถ่มา
ประเทศมึง เงินกู
เวลาฝรั่งมาบอกโน่นบอกนี่ ผมของขึ้นทุกที
ใครที่ซ่าๆอยู่ จะสร้างความวุ่นวายโน่นนี่ บอกว่าจะช่วยคนจน ระวังว่าจะเป็นตัวสร้างความจนให้ชาวบ้าน
นักประวัติศาสตร์ไทยก็ประหลาด เรื่องที่มาทำให้คนไทยจนไม่พูด ทะลึ่งมาโจมตีสถาบันที่สร้าง กอบกู้ประเทศมาด้วยความยากลำบาก
รัชสมัย รัชกาลที่ 9 เราเริ่มการพัฒนาโดยไม่มีสตางค์นะครับ
เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง เพื่อจะได้ปรับใช้กับยุคปัจจุบันครับ
สมเกียรติ โอสถสภา
ผมมานั่งคำนวณดู พบว่า
ถ้าฝรั่งเศสไม่มาปล้นไทยไป ประเทศนี้มีสำรองเงินตราเพียงพอที่จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกสมัยรัชกาลที่ 7 อย่างสบาย ไม่ต้องเอาข้าราชการออกจากงาน
นักเรียนทุน 326 คน ก็จะได้มาทำงานวางหลักในด้านต่างๆให้ประเทศ ประเทศไทยมีเงินทุนที่จะลงทุน ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ตั้งธนาคาร ทำถนนหนทาง มีการศึกษาสองภาษา มีผังเมือง ผังประเทศ ประเทศไทยจะก้าวหน้าเหมือนกับญี่ปุ่น
มีเงินเหลือพัฒนาประเทศมากมาย ยุคนั้นเงินหนึ่งสตางค์มีค่ามาก
แล้วอังกฤษก็มา
สมัยรัชกาลที่ 5 อังกฤษมาช้า ฝรั่งเศสปล้นไปก่อนแล้ว จึงเอาไปแค่ดินแดน แต่ดินแดนที่อังกฤษเอาไป เป็นท่าเรือทั้งนั้น กะไม่ให้ไทยไปค้าขายกันเลย เช่น มะริด ทะวาย ตะนาวศรี และเปอร์ลิส กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ ไทยมีปัญหาทางออกทะเลจนปัจจุบัน
ยังให้ทำสัญญาว่า จะไม่ขุดคอคอดกระ
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษจัดหนัก บอกว่าไทยต้องบริจาคข้าวให้ฟรีจำนวน 3 ล้านตัน ทั้งๆที่ในสัญญาพูดแค่ 1.5 ล้านตัน
ที่จริงกะจะไม่ให้ประเทศไทยมีกองทัพด้วย
ช่วงนี้สมัย ร.7-8
ข้าวเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ เจอเงื่อนไขนี้เข้า ประเทศไทยไม่มีเงินพัฒนา ค่าเงินบาทลดเหลือหนึ่งปอนด์ต่อหกสิบบาท จากสมัยก่อนหนึ่งบาทต่อหนึ่งปอนด์
รัฐบาลได้เงินมาก็เอาไปซื้อข้าวส่งไปให้ ไม่มีเงินพัฒนาประเทศ อังกฤษทำให้ชาวนาไทยจน เพราะต้องทำให้ราคาข้าวต่ำ ไม่ใช่กระฎุมพีที่ไหนหรอก
ค่าเงินลดมาก พัฒนาลำบาก ต้องเริ่มสะสมสำรองกันใหม่ เทียบกับปอนด์ ค่าเงินลดหกสิบเท่า จนเฉียบพลัน ค้าขายขาดดุล ค่าเงินลดยิ่งกว่าวิกฤติปี 40 ตอนนั้นลดลงเท่าเดียว
นั่งคิดเลขดูเงินที่ฝรั่งปล้นไปตั้งแต่สมัย ร.5 จนสมัย ร.7 นี่ทำให้คนไทยจนยาว
เมื่อญี่ปุ่นยกทัพเข้าไทยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ใช้เงินของแบงค์ชาติจนหมด และพิมพ์เงินเองให้กองทัพญี่ปุ่นใช้ ทำให้เงินไทยตกมาก ไม่มีสำรอง
ไทยก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากญี่ปุ่น ญี่ปุ่นขนเงินมาลงทุนในไทย ก็มีความรู้สึกเรื่องประวัติศาสตร์กันอยู่
อเมริกาเข้ามาช่วยกันอังกฤษ แต่ก็ได้สัญญา most favoured nation ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด และยกเว้นภาษีปิโตรเลียมด้วย ให้ประเทศเดียว
เมื่อเริ่มพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ปี 2503 ใช้เงินกู้ ก็มาเจอสงครามในภูมิภาค ร่วม 25 ปี เอาตัวมาให้รอดได้ก็บุญโข ใช้เงินไปเยอะ
สงครามสงบปี 2530 ค้าขายได้เงินมาสิบปี พอปี 2540 ก็เจอฝรั่งหลอก เจ๊งไปอีกหลายปี เสียหายราวสามล้านกว่าล้านบาท โง่เองด้วย
พอเริ่มจะแข็งแรงคนไทยก็ตีกันตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันนี้
มีน้ำมาดับเย็นบ้างช่วงปี 2554 น้ำก็มามากจัง ธนาคารโลกบอกว่าพังไปหนึ่งล้านสามแสนกว่าล้าน โรงงานอพยพ 7,000 โรงงาน ธนาคารโลกคำนวณไว้
วันนี้เขียนประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยให้อ่านครับ
ชีวิตประเทศมีขึ้นมีลง คนก็เหมือนกัน ได้แค่นี้ก็บุญโข
สำรองประเทศยังอยู่อันดับยี่สิบกว่าของโลกนะเนี่ย
ผมไปฝรั่งเศส ยังนึกว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ใช้เงินของไทยไถ่มา
ประเทศมึง เงินกู
เวลาฝรั่งมาบอกโน่นบอกนี่ ผมของขึ้นทุกที
ใครที่ซ่าๆอยู่ จะสร้างความวุ่นวายโน่นนี่ บอกว่าจะช่วยคนจน ระวังว่าจะเป็นตัวสร้างความจนให้ชาวบ้าน
นักประวัติศาสตร์ไทยก็ประหลาด เรื่องที่มาทำให้คนไทยจนไม่พูด ทะลึ่งมาโจมตีสถาบันที่สร้าง กอบกู้ประเทศมาด้วยความยากลำบาก
รัชสมัย รัชกาลที่ 9 เราเริ่มการพัฒนาโดยไม่มีสตางค์นะครับ
เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง เพื่อจะได้ปรับใช้กับยุคปัจจุบันครับ
สมเกียรติ โอสถสภา
ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย จักรวรรดินิยมตะวันตกปล้นประเทศทำคนไทยจนยาว
Reviewed by admin
on
12:47 AM
Rating:
No comments