ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเส้นทางที่ต้องทำและควรจะทำ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
วันนี้ผมคิดว่าจะไม่เขียนเรื่องอื่นแล้วแต่ก็อดเขียนไม่ได้ เพราะวันนี้พวกที่พยายามจะโยงเรื่อง ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศใช้ ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ไปยังเรื่องอื่นๆ แม้กระทั่งเรื่องที่จะมีการร่างกฎหมายสัตว์เลื้ยงก็ยังโยงได้แบบน่าแปลกใจ
ผมอ่านแล้วก็รู้เลยว่าคนที่วิจารณ์นั้นไม่ได้อ่านยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้เลยแม้แต่น้อย คือไม่อยากอ่านเกินแปดบรรทัดแต่อยากออกความเห็น แล้วความเห็นนั้นก็ใช้วาทะกรรมสวยหรูประเภทคำพูดที่ท่องจำเอาไว้ที่พูดแล้วดูคล้ายกับเป็นปัญญาชนเช่น กระบวนทัศน์ มายาคติ วิพากษ์ วาทะกรรมย้อนแย้ง ฯลฯ อะไรที่ใช้คำพูดทำนองนี้
ซึ่งความเห็นพวกนี้เข้าป่าเข้าทุ่งไปเลยเพราะไม่ได้อ่านสิ่งที่ตัวเองให้ความเห็น มีบางคนบอกว่าแผนสภาพัฒน์ฯ ก็มีอยู่แล้วไปเขียนทำไมให้ซ้ำซ้อน ซึ่งคนที่พูดเรื่องนี้เหมือนปล่อยโง่ออกมาแบบไม่ยั้งเลยก็ว่าได้ เพราะแผนระยะ สั้น กลาง ยาว ของสภาพัฒน์ฯ นั้นเน้นไปทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ชื่อตัวเต็มก็บอกอยู่แล้วว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งไม่ครอบคลุมทั้งหมดเหมือนยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้เลย
แผนฉบับนี้มีการแบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 6 ด้าน คือ
1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
2. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน
4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม
5. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
จะเห็นว่าแผนนั้นคลุมไปหมดทุกด้าน ซึ่งรัฐบาลในอนาคตต้องเดินตามแผนนี้ จะมามั่วเอาแผนระยะสั้นตามใจชอบแบบเดิมอีกไม่ได้แล้ว ส่วนรัฐบาลไหนจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของรัฐบาลนั้นๆ ซึ่งแผนนี้ไม่ได้บังคับแบบขยับตัวไม่ได้แต่อย่างไร แต่เป็นเพียงเส้นทางที่ต้องทำและควรจะทำเท่านั้น เพราะมันคือสิ่งที่เทียบเท่ากฎหมายที่ประกาศออกมาใช้บังคับให้หน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนต้องทำตามรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 65 รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทําแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็น พลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมครับว่ายุทธศาสตร์ชาตินั้นกำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญและมีมาตราแยกเป็นของตัวเอง ไม่ใช่อะไรที่หลักลอยจะทำหรือไม่ทำก็ได้อีกต่อไปในอนาคต
ทำไมต้องมียุทธศาสตร์ชาติยาวถึง 20 ปี คำถามกระจายไปทั่วโลกโซเชียล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะถามเลย เพราะแผนและเป้าหมายของประเทศไทยนั้นโดนยำด้วยแผนระยะสั้นของรัฐบาลต่างๆ มาแล้วหลายยุคหลายสมัย บางครั้งก็กลับไปกลับมาตามรัฐบาลที่เปลี่ยนไปจนเหมือนพายเรือในอ่างจนทำให้ประเทศชาติไม่ไปไหนเลยหรือถอยหลังในบางเรื่องก็มี
ประเทศต่างๆ ที่ประสพความสำเร็จนั้นมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาวทั้งนั้น
ดูอย่างสิงคโปร์ก็มียุทธศาสตร์ระยะยาวมาตั้งแต่สมัย นายลีกวนยู ใน 5 แนวทาง ความสัมพันธ์ ความเชี่ยวชาญ เพิ่มศักยภาพ เทคโนโลยี และพัฒนาเมือง และก็ยังใช้อยู่ในทุกวันนี้
จีนนั้นก็มียุทธศาสตร์ชาติระยะยาวมาตั้งแต่ยุคของ เติ้ง เสี่ยว ผิง ซึ่งเน้นการสร้างความทันสมัยสี่ด้าน เกษตร ศึกษา อุตสาหกรรม และทหาร ซึ่งเวลานี้ สี จิ้น ผิงก็ยังเดินตามแนวทางปฎิรูปชาติระยะยาวอยู่ แต่มีการดัดแปลงไปบ้างตามยุคสมัยและยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องเพิ่มขึ้นให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
ของเยอรมันนั้นยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 4 ประการคือ คุณภาพชีวิต ความเท่าเทียม ความสมานฉันท์ และความรับผิดชอบในชุมชน ซึ่งดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่แผนตัวลูกนั้นกระจายออกเป็นนโยบาย 21 ข้อ ครอบคลุมทุกสาขาทั้งด้านสังคมและการพัฒนาเทคโนโลยี
ส่วนของไทยนั้นมี 6 ประการ ความมั่นคง ความสามารถแข่งขัน ศักยภาพมนุษย์ ความเท่าเทียมของสังคม คุณภาพชีวิตกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาการบริหารจัดการ ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับประเทศต่างๆ ที่ประสพความสำเร็จและมีแผนระยะยาวเป็นของตัวเอง
ผมถึงได้บอกว่าก่อนจะด่าฟ้าด่าดินแบบทำอะไรก็ไม่ถูกใจสักเรื่อง ก่อนจะให้ความเห็นชี้นำไปในทางเลวร้ายต่อแผน 20 ปีของยุทธศาสตร์ชาติฉบับที่ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันก่อนนั้น พวกคุณอ่านกันครบทั้งฉบับแล้วหรือยัง อ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่าว่าแต่ละแผนนั้นเป้าหมายคืออะไร แต่ละจุดนั้นมีการตัดตอนรัฐบาลเลวๆ ในอนาคตที่จะมาทำเรื่องตามใจตัวเองได้ลำบากขึ้นอย่างไรบ้าง และแผนแต่ละแผนนั้นสนับสนุนรัฐบาลดีๆ ให้ทำงานง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง ถ้ายังไม่อ่านก็จงอย่าแสดงความโง่ของตัวเองออกมาด้วยการมองในแง่ร้ายไม่ถูกใจไปเสียทุกเรื่องบนโลกโซเชียลเลยครับ
Pat Hemasuk
ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเส้นทางที่ต้องทำและควรจะทำ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
Reviewed by admin
on
12:14 AM
Rating:
No comments